สนามบินดอนเมือง เตรียมความพร้อมรองรับนโยบายการเปิดประเทศและรองรับเที่ยวบิน ตามนโยบายการเปิดประเทศของนายกรัฐมนตรี ในการเปิดรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และมีการตรวจ Swab หาเชื้อโควิดแล้วไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ซึ่งภาพรวมของสนามบินดอนเมือง ล่าสุด ทีมข่าว INN ได้ลงพื้นที่ติดตามพบว่า บริเวณอาคารผู้โดยสารทั้งขาเข้า-ขาออก ได้ติดป้าย ขอความร่วมมือผู้โดยสารสแกนแอปพลิเคชัน หมอชนะ เพื่อเก็บข้อมูล
ขณะที่ สายการบิน ทุกสายการบินบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอิน นอกจากจะแสดงตารางการบินแต่ละจังหวัดแล้ว ยังมีจอแสดงขั้นตอนที่ผู้โดยสารจะเดินทางเข้าแต่ละจังหวัดถึงขั้นตอนและเอกสารรวมถึงการรับวัคซีน ว่าต้องเป็นวัคซีนชนิดใดและจำนวนครบ 2 โดส และจะต้องนำผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยการตรวจแบบ ATK หรือ RT-PCR แสดงผลเอกสารรับรองต่อสายการบินก่อนเดินทาง หากเอกสารไม่ครบ สายการบินขอความร่วมมือผู้โดยสารงดเดินทาง
ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่สายการบิน เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ทางสายการบินจะมีการชี้แจงขั้นตอนการเดินทางแก่ผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้า ผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งผู้โดยสารสามารถเข้าไปตรวจสอบและโหลดเอกสารประกอบการเดินทางได้
สำหรับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวและเที่ยวบินระหว่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้ยืนยันพร้อม 100% รองการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และในวันนี้ กระทรวงคมนาคมจะสรุปความพร้อมมาตรการต่างๆ ที่จะเดินทางพร้อมกับหาแนวทางแก้ไขหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
พร้อมกันนี้ ได้คาดการณ์ว่า ในช่วงการเปิดระยะแรก จะมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ที่ 10,000 คน/วัน หรือประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีผู้โดยสารอยู่ที่ 50,000 คน/วัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและลดความคับคั่งแออัดภายในสนามบิน ทอท. ได้เสนอ รัฐบาลควรพิจารณาให้สามารถรับผล Swab ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และหลักฐานการรับวัคซีนครบ 2 โดสมาใช้เป็นหลักเกณฑ์เบื้องต้น และให้มาตรวจหาเชื้อในรูปแบบ ATK หรือ RT-PCR ที่โรงแรม หรือที่พักแทน ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าวทางกระทรวงคมนาคมจะเสนอในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พิจารณาต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news