ดีเซล25บาท/ลิตร ยุคลุงตู่แค่ฝัน หากไม่ทำภายใน 31 ต.ค.2564 เดือดร้อนแน่ ทั้งแผ่นดิน ค่าขนส่งปรับขึ้น ขณะรถบรรทุกกว่า 1 แสนจอดสนิทไม่วิ่งรับงาน
“ดีเซล 25 บาท” คือคำประกาศิตของสิงห์รถบรรทุก ที่ส่งตรงไปยังรัฐบาลนายกฯลุงตู่ ให้ปฏิบัติหากขึงขัง ไม่ทำภายใน 31 ต.ค.2564 เดือดร้อนแน่ ทั้งแผ่นดิน ค่าขนส่งปรับขึ้น ขณะรถบรรทุกกว่า 1 แสนจอดสนิทไม่วิ่งรับงานและเมื่อถามถึงท่าทีของรัฐบาล กับหนทางที่จะทำให้ดีเซลหล่นไปที่ 25 บาทต่อลิตร ก็ดูเหมือนว่าจะยากเต็มที่ โดยเฉพาะกับข้อเสนอที่ให้ลดภาษีสรรพสามิตรลง แต่รัฐบาลเลือกเส้นทางที่จะยอมจบ ตรึงดีเซลไว้ 30 บาท/ลิตร พร้อมใช้กลไกลกองทุนน้ำมันเข้ามาพยุง ซึ่งหากเงินในกองทุนซึ่งมีอยู่ 9 พันล้านบาทไม่พอ รัฐบาลก็พร้อมที่กู้เงิน ถมไปอีก 20,000 ล้านบาท
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถาม “นางสาวรสนา โตสิตระกูล” อดีตสมาชิกวุฒิสภา และ คณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะพลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค กับ “ดีเซล 25 บาท” เป็นได้หรือไม่ และเหตุใดรัฐบาลถึงเลือกที่จะตรึงดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตร คำตอบที่ได้ น่าสนใจค่ะ
โดย นางสาวรสนา บอกว่า ดีเซล 25 บาท/ลิตร เป็นไปได้ หากรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาท แต่ถามกลับ รัฐบาลจะกล้าหรือไม่
“คือรัฐบาล ถ้าลดเงินสรรพสามิตน้ำมันลงไปมันก็มีทางที่จะเป็นไปได้แต่ว่าปัญหาอยู่ที่ รัฐบาลจะยอมไหม เพราะว่าตอนนี้ ภาษีสรรพสามิตน้ำมันของรัฐบาลที่เก็บกับ B6กับ B10 มันจะอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตรก็คือ 6 บาท ทีนี้คนเค้าก็เรียกร้องว่าถ้ารัฐบาลลดไป 5 บาทมันก็ลดไปได้ค่อนข้างเยอะนะ”
นางสาวรสนา กล่าวด้วยว่า ในแต่ละปีรัฐบาลได้ภาษีสรรพสามิตจำนวนมหาศาล เฉพาะแค่ในปีที่ผ่านมา ยังได้อยู่ 2 แสนกว่าล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลควรที่จะปรับลดภาษีสรรพสามิตลงในช่วงวิกฤตที่ประชาชนและธุรกิจกำลังลำบาก เพราะการลดการเก็บภาษีน้ำมันลง ราคาน้ำมันก็จะลด ประชาชนจะได้รับอานิสงส์ถ้วนหน้าจากราคาสินค้าอุปโภค บริโภคที่ลดลง
“รัฐบาลเค้ากลัวว่าจะขาดรายได้ เพราะต้องบอกว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 57 รัฐบาลได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมันลดลงเพราะฉะนั้นในแต่ละปี รัฐบาลจะได้เงินขยับขึ้นไปเรื่อยๆ
จาก 180,000 กว่าล้านถึง 200,000 กว่าล้าน ขนาดปีที่แล้วซึ่งเจอโควิดภาคภาษีสรรพสามิตน้ำมันยังอยู่ที่ 200,000 กว่าล้าน และที่สูงสุด 232,000 กว่าล้าน เพราะฉะนั้น รัฐบาลเค้าก็ได้เงิน
เป็นกอบเป็นกำ จากตรงนี้เพราะฉะนั้นเค้าก็เลยคงไม่อยากจะสูญเสียรายได้ส่วนนี้ แต่ที่จริง ถ้ารัฐบาลมองว่าการที่กลุ่มของเครือข่ายรถบรรทุกซึ่งที่จริง สภาองค์กรผู้บริโภคพวกเราเคยเรียกร้องไปก่อนหน้านี้แล้วว่าให้ลดไปก่อน 5 บาทเพราะว่าประชาชนเขาลำบากเจอทั้งโควิด เจอทั้งน้ำท่วมคือรัฐบาลกู้เงินมาแจกเท่าไร คือมันก็จะไม่สามารถทั่วถึง ลดราคาน้ำมันลงมาตัว ปุ๊ปเนี่ย ตัวนี้มันก็จะมีโอกาสที่จะช่วยทำให้ต้นทุนของสินค้าอุปโภคบริโภคมันลดลง”
ดังนั้นข้อเสนอของ นางสาวรสนา มองว่า สิ่งสำคัญในขณะนี้ คือ ต้องทำให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากพอ ไม่ใช่การแจกเงิน นั่นเพราะ ต้นทุนสินค้ายังสูงอยู่ แต่ถ้ารัฐบาลทำให้ต้นทุนพลังงานต่ำลง ธุรกิจก็อยู่ได้ ซึ่งรัฐบาลอาจหารายได้จากภาษีในรูปแบบอื่นเข้าชดเชย
“จริงๆแล้วจีดีพี 50% มันมาจากการบริโภคภายในประเทศ รัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋ามากพอ ไม่ใช่เงินในกระเป๋าแบบเอาเงินมาแจก เพราะพอเงินมาจากปุ๊บเนี่ย ต้นทุนสินค้าก็ยังเพิ่มสูงอยู่ เงินมันก็ไหลไปกลุ่มทุนพลังงานหมด ถ้าเกิดคุณทำให้ต้นทุนพลังงานมันต่ำเพื่อที่จะให้ธุรกิจอื่นๆมันอยู่ได้ รัฐบาลก็จะได้ภาษีไง ในรูปอื่น แต่ไม่ใช่ภาษีตั้งแต่ต้นทาง คือคุณเอา คุณอุ้มราคาพลังงาน คุณเอาเต็มที่เลย พอคุณเอาตรงนี้เต็มที่ปุ๊ป มันทำให้สินค้าตัวอื่นต้นทุนสูงหมด ต้นทุนสูงก็ทำให้ประชาชนลำบาก เพราะว่าค่าครองชีพเราประชาชนได้เงินน้อย แต่คุณต้องซื้อของแพงขึ้น”
จากนี้ต่อไปคงต้องจับตาท่าทีของสิงห์รถบรรทุกอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าภายใน 31 ต.ค.2564 รัฐบาลยังไม่ทำตามคำประกาศิต แต่เลือกที่จะตรึงดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตร เมื่อนั้น เราคงได้เห็นการออกมาขย่มเมืองของสิงห์รถบรรทุกกันอีกสักรอบแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news