“เปิดประเทศ หนุนจีดีพี ลุ้นศก.ฟื้น”

หลังผ่านการเปิดประเทศกว่า 1 สัปดาห์ รับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลายพื้นที่มีทั้งคึกคักบ้างและไม่คึกคักบ้างแตกต่างกันไป แต่ถ้าหากให้ย้อนดูช่วงที่ผ่านมาถือว่าธุรกิจท่องเที่ยวและส่วนเชื่อมโยงได้รับผลกระทบปิดกิจการขาดรายได้มายาวนานเกือบกว่า 2 ปี

 

 

การกลับมาเปิดประเทศจึงถือเป็นสิ่งที่สร้างความหวังในการมีรายได้กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง รวมทั้งรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาบรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิ กลับมาคึกคักเช่นกันจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางเข้าอย่างต่อเนื่อง บนมาตรการของทางเจ้าหน้าที่อย่างเข้มข้นตามกฎระเบียบที่วางไว้ ทั้งการตรวจอุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 37.3 องศาเซลเซียส และตรวจหาเชื้อโควิดแบบ RT-PCR และรอผล 1 คืนที่โรงแรม ซึ่งหากผลเป็นลบสามารถท่องเที่ยวในจังหวัดนำร่องได้ทันที

 

ขณะที่ฝั่งรัฐบาลผู้ดำเนินนโยบายดูแลเศรษฐกิจอย่างกระทรวงการคลังมั่นใจเปิดประเทศหนุนเศรษฐกิจได้ตามเป้าแน่นอน โดยนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยกับทางสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ โดยภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 เป็นวงกว้างทั้งธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งการกลับมาของภาคการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามที่กระทรวงการคลังโดยทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ประเมินไว้ที่ร้อยละ 1 ในปีนี้ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวมีเม็ดเงินที่ถือว่ามีผลต่อเศรษฐกิจไทยกว่าร้อยละ 10 ดังนั้นการกลับมาของภาคการท่องเที่ยวจะช่วยผลักดัน และเป็นแรงสนับสนุนการจับจ่ายให้กลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะเป็นสองเครื่องยนต์สำคัญสอดคล้องกับภาคการส่งออกที่เริ่มกลับมาขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้า

 

เห็นได้ว่าภาครัฐมั่นใจเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อได้ ฝั่งมุมมองของภาคเอกชนก็ปรับดีขึ้นตามมาหลังการเปิดประเทศ เปิดกิจกรรมเศรษฐกิจ รวมทั้งยอดผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ทำให้เห็นเริ่มเห็นสำนักเศรษฐกิจหลายสำนักทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยในปี 64 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1 เป็นส่วนใหญ่ แต่ยังมีความเป็นห่วงหากสถานการณ์ Covid-19 กลับมารุนแรงจนทำให้รัฐบาลต้องกลับมาคุมเข้มกิจกรรมเศรษฐกิจอีกครั้งเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระวังและจับตาใกล้ชิด

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news