สัญญาน “เลือกสงบจบที่ลุง”กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเอฟเฟกต์ถัดไปหลังมีการปรามแรง “ม็อบเด็ก”และผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนช่วยเหลือ ทั้งนักการเมือง และ กลุ่มทุน
หรือนักวิชาการที่เคลื่อนไหว และเริ่มมีฝ่ายการเมืองรวมไปถึงฝ่ายต่างๆในสังคมที่เห็นต่างในแนวทางความคิด นำไปเป็นสาตั้งต้นในการ “ขยายผล”การเริ่มจัดการไล่ล่ากวาดล้าง “คู่ขัดแย้ง” “ฝ่ายตรงข้าม” โดยการกดดัน “ผู้มีหน้าที่”ในระบบราชการให้ดำเนินการต่อทั้งบรรดาเด็กเยาวชนผู้เกี่ยวข้อง นักวิชาการ พรรคการเมือง นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นภาพของการเตรียมไปแจ้งกกต.ให้ยุบพรรคก้าวไกล และ เพื่อไทย หรือการให้มีการจัดการเด็ดขาดกับใครต่อๆที่เคยเกี่ยวข้อง หรือยังคงเคลื่อนไหวในความคิดแบบเดียวกับ “ม็อบเด็ก”
อย่างที่ “พีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค”ที่ปรึกษา”นายกฯลุงตู่”และ “หัวหน้าป้อม”ส่งสัญญานแรง ว่า “มันจบแล้ว จากนี้ไปการชุมนุมในลักษณะนี้รวมทั้งท่อน้ำเลี้ยงและอีแอบ ผู้เป็น “ชนกลุ่มน้อย” คือผู้ทำลายล้างรัฐธรรมนูญ คือผู้ทำลายล้างสถาบัน คือผู้ทำลายล้างชาติ คือผู้กระทำผิดอาญาร้ายแรง ไม่ใช่ผู้ใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญอีกต่อไป ข้อคลางแคลงสงสัยของผู้รักษากฎหมายจนทำให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นแบบที่ผ่านมาก็จบลงด้วย”เช่นเดียวกับ “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกประชาธิปัตย์ที่ออกมาเห็นด้วยกับ ศาลรัฐธรรมนูญจะได้ตั้งทีมดำเนินคดีกับผู้วิจารณ์คำวินิจฉัยว่าร้ายของศาลรธน.โดยบิดเบือน ซึ่งผิดกฎกมาย ทุกช่องทางโดยเฉพาะช่องทางโซเชียล และเรียกร้อง ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นดีอีเอส.,ตำรวจ ช่วยกันสู้กับศาลรธน. เพราะต้องเคารพมติศาล ไม่เช่นนั้นความวุ่นวายในบ้านเมืองก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่จบสิ้น หลังจากที่เมื่อวานมีแฮกเกอร์ทำการแฮกเวปศาลรัฐธรมนูญเปลี่ยนเป็นชื่อkangaroo court และปรากฏเป็นคลิปวิดีโอเพลงความยาว 3.48 นาที ที่ใช้ชื่อว่า Death Grips ซึ่งเป็นเพลงของกลุ่มฮิปฮอปทดลองสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 แทนหน้าเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญปกติ
ที่สัญญานภาพดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงสภาพการความขัดแย้งทางความคิดที่กำลังก่อนตัวเป็นความรุนแรงกว่าเดิมอย่างที่เคยเกิดภาพมวลชนเสื้อเหลืองที่เห็นต่างปะทะกับ “ม็อบเด็ก”และภาพการจัดการอย่างรุนแรง จากการที่ช่องทางเจรจาหรือคลี่ปัญหา แบบการ นำปัญหาเข้าสู่ระบบสภาฯถูกปิดลง ไม่ว่าจะเป็นปมการแก้ไข ม.112 และม.116 อย่างที่ “พิธา”เตือนโดยใช้คำว่าอย่ามองอนาคตของชาติเป็นศัตรู ปลุกความรุนแรงเช่นเดียวกับ”ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬา ที่ประเมินว่า การเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จะทำให้อุณหภูมิทางการเมืองร้องแรงขึ้น โดยมองว่า “ที่ผ่านมาเรื่องนี้ รวมไปถึงการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา มีแต่สร้างความโกรธแค้น ไม่พอใจให้กับประชาชนและเยาวชนมากขึ้น โดยเยาวชนมองผู้มีอำนาจในฐานะที่เป็นเครือข่ายอุปถัมภ์ค้ำชูกัน ไม่ได้มองเป็นตัวบุคคลแยกออกไปแล้วดังนั้น รัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ ภายใต้เครือข่ายที่อุปถัมภ์ จะยิ่งทำให้เยาวชนที่ตื่นตัวทางการเมืองจะพูดถึงเรื่องนี้อย่างร้อนแรงมากยิ่งขึ้น นั่นก็หมายความว่าเขาจะกลายเป็นเหยื่อของเจ้าหน้าที่รัฐมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ยิ่งล่าสุดกับทิศทางที่ออกมาจากศาลรธน.กำลังถูกนำไปเป็น ใบอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจในการจัดการเด็ดขาดมากขึ้น แบบที่มองมีการมองว่า ความรุนแรงที่ผ่านมาเกิดจากม็อบเด็ก
ในขณะที่ ก็น่าสนใจสัญญานจาก“นายกฯลุงตู่”ที่เมื่อวานไปพูดกับนักศึกษา วปอ.64 ในการบรรยายเรื่อง “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” โดยมี “ขุนทหาร”ทั้ง “พล.อ.ชัยชาญช้าง มงคล” รมช. กลาโหม “พล.ร.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์” ปลัดกลาโหม “พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ผบ.สส. ร่วมฟัง ว่า เรา ถูก”มหาอำนาจ”กดทับด้านความมั่นคงทางทหารทั้ง ทางบก ทางอากาศ ทางน้ำทางใต้น้ำที่ต้องติดตามสถานการณ์ ให้ดีต้องเผชิญภัยคุกคามใหม่ๆหลายมิติ“ความมั่นคงแบบองค์รวม”“เราไม่ใช่ประเทศเดียว บนโลกใบนี้ถ้าเราไม่เข้มแข็งเพียงพอเราจะถูกกดทับโดยประเทศมหาอำนาจโดยพาวเวอร์ต่างๆที่เข้ามาในทุกมิติทั้งด้านความมั่นคงทางทหารทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ ทางใต้น้ำที่ต้องติดตามเรื่องเหล่านี้ปัญหามีมากมายพอสมควรที่ถูกกดทับ จากภายนอก”พร้อมสอน “นศ.วปอ.64ว่า “ปัญหา คือ “ข้าศึก”สองข้างทางที่จะสกัดกั้นเราต้องกำจัด ไปให้ได้ โดย ต้องเตรียมแผน เตรียมการไว้“ที่หมายระหว่างทาง” ที่ต้องยึดต้องคิด วิเคราะห์ เป็นขบวนการ โดยต้องพัฒนาคน ให้เป็นคนเก่ง คนดี มีวินัย ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเคารพกฎหมาย” ก่อนที่”นายกฯลุงตู่”จะ บอกว่า จะพยายามมีชีวิตอยู่ให้ถึง ปี2050หรืออีก29ปี ตามที่ไปประกาศบนเวทีCOP26ที่สก๊อตแลนด์ตั้งเป้าให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็น กลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 โดยหยอก “นศ.วปอ.64 “ใครอยู่ถึงบ้าง.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
