ม็อบ14พ.ย.ค้านคำวินิจฉัยศาลต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่าการกระทำและพฤติกรรมของผู้ถูกร้องที่ 1-3 คือ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ในการชุมนุมปราศรัย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมา เพื่อเสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบันฯ
มีเจตนาซ่อนเร้น เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพมุ่งล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 รวมถึงกลุ่มองค์กรและเครือข่ายเลิกการกระทำดังกล่าว
ซึ่งในวันนี้ 14 พ.ย. 2564 ได้มีการนัดหมายการชุมนุม นำโดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มทะลุฟ้า และกลุ่มวีโว่ (We Volunteer) และกลุ่มไม่เอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวานนี้รวมถึงกลุ่มแนวร่วมอิสระอื่น ๆ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งได้มีการนัดหมายในเวลา 15.00 น. เพื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อถ้อยคำวินิจฉัยดังกล่าว พร้อม “ต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์”
ต่อมาเวลา 13.30 น. ทีมข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ลงพื้นที่อนุสาวรีย์สาวรีย์ประชาธิปไตยพบว่ามวลชนบางส่วนได้เริ่มทยอยเข้าพื้นที่ตามการนัดหมาย
ขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ตามพื้นที่บริเวณโดยรอบพร้อมปิดทุกทางเข้าออกของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทุกทาง ทำให้แกนนำประกาศเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมเป็น แยกปทุมวัน ทำให้มวลชนที่ลงพื้นที่ตามการนัดหมายได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังแยกปทุมวันทันที
ต่อมา เวลา 15.00 น. มวลชนได้ทยอยเข้าพื้นที่แยกปทุมวันอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งการแสดงดนตรีเรียกร้องประชาธิปไตย เปิดร้านขายของ
พร้อมมีธงประจำกลุ่มโบกไสวระหว่างการชุมนุม รวมถึงติดป้ายข้อความ เขียนข้อความเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญภายใต้หัวข้อ “ต่อต้านการปกครอง ต่อต้านสมบูรณาญาสิทธิราชย์”ตามวัตถุประสงค์หลักของการชุมนุมในวันนี้
แม้ว่าจะมีการชุมนุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน แต่การจราจรบริเวณนี้นั้น ยังไม่มีการปิดการจราจรแต่อย่างใด แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากและติดขัด
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเข้ามาประเมินสถานการณ์การชุมนุมตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ แกนนำได้ประกาศย้ำว่าการออกมาในครั้งนี้ว่า
– ไม่ใช่การไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
– ไม่ใช่การยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
– ไม่ใช่การปฏิรูป และไม่ใช่การล้มล้างฯ แต่อย่างใด
แต่คือการต่อสู้ เพื่อยืนยันว่าประเทศนี้ต้องปกครองด้วยระบอบที่คนทุกคนเสมอหน้าเท่าเทียมกันและนี่คือ
การต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
