ถือเป็นดีลประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของประเทศไทย กับการควบรวมกิจการระหว่าง 2 ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ DTAC และ TRUE เพราะล่าสุดเช้าวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2564 DTAC และ TRUE ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ได้อนุมัติให้บริษัททำการศึกษาความเป็นไปได้และดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการระหว่างกัน พร้อมกันนี้ ได้พิจารณากำหนดอัตราการจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัทอีกด้วย
โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า TRUE และ DTAC มีแนวคิดที่ทั้ง2 บริษัทจะมาควบรวมกิจการร่วมเป็นพันธมิตรกัน โดยการควบรวมครั้งนี้ จะทำให้มีบริษัทใหม่เกิดขึ้น บทบาทของบริษัทใหม่คือการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจและสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมให้กับประเทศตลอดจนประชาชนและฐานลูกค้าที่มีอยู่ของทั้ง2 บริษัท
ด้านนายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทเลนอร์ กล่าวว่า กลุ่มเทเลนอร์มีประสบการณ์ในการขับเคลื่อนโลกดิจิทัลในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียมาแล้ว ดังนั้น เชื่อว่า บริษัทใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอด ยกระดับประเทศไทย ไปสู่การเป็นผู้นำในโลกดิจิทัลได้ ด้วยการผนวกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับการบริการที่ดึงดูดลูกค้า พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีเยี่ยม
ในมุมมองนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ประเมินผลบวกที่จะเกิดขึ้นหลังการควบรวมในครั้งนี้ 2 ส่วนหลัก คือ 1. ระดับบริษัท คือ DTAC,TRUE จะได้ประโยชน์ในเชิงโครงสร้างที่แข็งแกร่งขึ้นทั้ง Market share และคลื่นความถี่สั้น-กลางจะขยับเป็นเบอร์หนึ่ง ทำให้บริษัทใหม่มีข้อได้เปรียบในการลดต้นทุนได้ง่ายขึ้น และ 2. ระดับอุตสาหกรรม คือ ADVANC, DTAC, TRUE ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดลดลง ผลักดันแนวโน้มการแข่งขันด้านราคาทั้งการออกโปรโมชั่นหรือการประมูลคลื่นในอนาคตจะลดลง
จากนี้ต่อไปคงต้องตาท่าทีของ กสทช. ต่อการควบรวมดังกล่าว ซึ่งหากอิงตามมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ผู้ที่จะดำเนินธุรกรรมดังกล่าวต้องรายงาน เลขาธิการ กสทช. ไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนเริ่มดำเนินการ และถือเป็นการขออนุญาตจาก กสทช. รวมถึงเงื่อนไขประกอบธุรกิจที่ กสทช. มีแนวโน้มกำหนดเพิ่มเติมด้วย ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news