ศบค.ขยายพรก.อีก2ด.ลดโซนสียังไม่เปิดสถานบันเทิงไม่มีแดงเข้มแล้ว เพิ่มนำร่องท่องเที่ยวอีก 3 ยังยืนยันเปิดสถานบันเทิง หลัง 16 ม.ค.
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ครั้งที่ 19/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 15) ออกไปอีกระยะเวลา 2 เดือน หรือ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 มกราคม 2565
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาปรับลดระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร คือ ไม่มีพื้นที่ควบสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ซึ่งเดิม 6 จังหวัด , พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 39 จังหวัด ปรับเหลือเพียง 23 จังหวัด, พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 23 จังหวัด เหลือ 23 จังหวัดเท่าเดิม, พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 5 จังหวัด ปรับเป็น 24 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ไม่มี ส่วนพื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) เดิม 4 จังหวัด ปรับเป็น 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ กาญจนบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา และภูเก็ต
ส่วนมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับกิจการสถานบันเทิง ยังคงเป็นไปตามมติเดิม ให้เปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2565 ส่วนมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด -19 สำหรับสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในการเปิดบริการนั้น สามารถจำหน่ายสุรา ได้ไม่เกิน 23.00 น. และให้เปิดบริการไม่เกิน 24.00 น.
ทั้งนี้ หากไม่มีการระบาดจากสถานบันเทิงให้เปิดดำเนินการต่อได้ หากมีการระบาดจากสถานบันเทิงพิจารณาปิดดำเนินการควบคุมการระบาด และหากเกิดการระบาด หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ให้พิจารณาปิดดำเนินการและกำหนดบทลงโทษ
นายกฯย้ำต้องฉีดวัคซีนให้ครบ ทราบแล้วกลายพันธุ์แอฟริกา ห้ามเข้าประเทศเด็ดขาด สั่งสอบสถานบันเทิงลักลอบเปิดกลางเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 หรือ ศบค. ว่าที่ประชุมในวันนี้ได้รับทราบสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีความเกี่ยวพันธ์เชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการเปิดประเทศ ซึ่งต้องเน้น Covid free setting ซึ่งต้องใช้ในกิจการทุกประเภท การจะทำอะไรก็ตามจะต้องเน้นย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน
ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอยู่ โดยหากมีความพร้อมก็ค่อยว่ากันอีกที ซึ่งก็ต้องเห็นใจด้วย ซึ่งมาตรการด้านสาธารณสุขก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องการให้ปีใหม่ของเราเป็นปีที่มีความสุข ไม่มีการแพร่ระบาดในช่วงนี้หรือช่วงปีใหม่ ก็ขอให้เข้าใจด้วย ที่เป็นมติร่วมกันที่พิจารณาเมื่อสักครู่นี้
ขณะที่มีการรายงานการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โควิด -19 ที่ประเทศแอฟริกาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทราบแล้ว และมีการรายงานติดตามอยู่แล้วซึ่งทาง กรมควบคุมโรค และกระทรวงสาธารณสุขกำลังดูอยู่ ว่าจะต้องมีมาตรการอะไรอย่างไร ส่วนการเดินทางมายังประเทศเหล่านี้ก็ต้องห้ามโดยเด็ดขาดเพื่อไม่ให้นำเชื้อมาติด
ส่วนกรณีที่มีสถานบันเทิงแอบเปิดใจกลางเมือง นายกรัฐมนตรีระบุว่า ได้มีการสั่งการตำรวจไปแล้ว ซึ่งจะขึ้นบัญชีสถานบันเทิงเหล่านี้ไว้ และไม่ให้เปิดอีกและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นจะต้องมีรับผิดชอบด้วย ซึ่งมีผลทางวินัยและจับกุมดำเนินคดีได้ทุกวัน
ขณะที่การเปิดเรียนแบบ On-site ที่ให้มีการตรวจ ATK ผู้ปกครองนั้นจะถือเป็นการผลักภาระให้ผู้ปกครองหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ก็ต้องช่วยกันคำนึงถึงความปลอดภัยส่วนรวม การศึกษาที่ดีที่สุดคือการพบปะกับคุณครู เมื่อมีปัญหาอยู่ก็ต้องช่วยกันไปก่อน อันไหนเปิดได้ก็เปิดอันไหนทำได้ก็ทำหลายอย่างมีผลกระทบร่วมกันทั้งสิ้น รัฐบาลก็พยายามแก้ไขปัญหาอยู่
ทั้งยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล นำนักดนตรีฟ้องเรียกค่าเสียหายรัฐบาลหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมายในทุกเรื่องเป็นเรื่องของศาลและอัยการที่จะต้องพิจารณา ซึ่งเขาก็ได้ชี้แจงกับต่างประเทศหมดแล้ว หากถามกลับว่าประเทศเขาเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับเราเขาก็จะต้องทำเหมือนที่เราทำ หรือบางครั้งอาจรุนแรงกว่าเราด้วยซ้ำไป ซึ่งบ้านเราต้อง เลิกการใช้มวลชนมาทำผิดกฎหมายเสียที การที่บอกว่ารัฐบาลรังแกก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับกฎหมายไม่เช่นนั้นจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้รับรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากสถิติพบว่านักท่องเที่ยวมีการติดเชื้อจำนวนน้อย และเข้าสู่กระบวนการรักษา ทั้งเข้มงวด มีมาตรการรองรับที่ปลอดภัย ส่วนแนวทางการเปิดสถานบันเทิง ครั้งที่แล้วตัวได้สั่งการไปแล้วให้มีการพิจารณามาตรการของตัวเอง แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วทางการแพทย์ยังคงมีปัญหาอยู่ และเกรงว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่จะเกิดปัญหาอีกทุกคนก็จะไม่มีความสุขอีก
หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free setting ไม่ได้ก็ต้องขยับไปก่อน แต่ขอทำให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน และต้องทำมาตรฐานตัวเองให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมสถานบันเทิง ก็ต้องมาขึ้นบัญชีกันให้หมด โทรหาไม่ยอมรับมาตรการและทำตามมาตรฐานเหล่านี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อประเทศเดินหน้ามาขนาดนี้แล้วจะถอยหลังอีกหรือ
พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะหามาตรการชดเชยให้ และเชื้อเชิญให้ผู้ประกอบการและนักดนตรี ได้มีการเตรียมงบประมาณในส่วนนี้ไว้แล้ว จึงขอประเมินสถานการณ์ก่อนแต่ย้ำว่าเห็นใจความเดือดร้อนประชาชน โดยได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดูว่าจะช่วยเหลือยากลุ่มนี้ได้อย่างไรซึ่งรัฐบาลก็ช่วยมาตลอดแต่ขอให้เห็นใจรัฐบาลบ้างเงินทองมีจำกัด ต้องทำเท่าที่จำเป็น หากทุกคนเสนอสิ่งที่ต้องการมาทั้งหมด แต่ไม่มีวิธีการแก้ไขคงไม่ได้และย้ำว่าตนฟังทุกคน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news