การพบเจอโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ว่ากันว่ามีความรุนแรงและอันตรายมากกว่าสายพันธุ์เดลต้า สร้างความหวาดผวาให้กับทั่วโลกเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากปฏิกิริยาของตลาดหุ้นที่ดิ่งลง
ขณะที่ การเปิดประเทศของไทยตามนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาก็สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนอยู่ไม่น้อย
สนามบินสุวรรณภูมิถือเป็นด่านสำคัญของการคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ประเทศ ซึ่งล่าสุดได้เพิ่มความเข้มงวดทุกขั้นตอน เพื่อลดความเสี่ยง
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า หลังจากมีข่าวการพบโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงและพบผู้ป่วยรายแรกในยุโรป ได้สั่งให้มีการตรวจเข้มสำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรปรวมถึงนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย และยังต้องตรวจเข้มคนไทยที่เดินทางด้วย จะต้องมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่สายการบิน เพื่อเป็นการป้องกัน หากพบอาการน่าสงสัยหรือเข้าข่าย จะทำการคัดแยกออกมา ทำการตรวจซ้ำให้มั่นใจก่อนที่จะให้ผู้โดยสารผ่านเข้าไป ซึ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ทำการยกระดับการตรวจคัดกรองโควิด-19 อยู่แล้ว
โดยเมื่อเดินทางมาถึงทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ (COE : Certificate of Entry) หรือสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) ระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass)จากนั้นเข้าสู่พิธีการตรวจคนเข้าเมือง และเดินทางไปยังโรงแรมที่จัดไว้เพื่อเข้ารับการตรวจด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) และพักรอผลตรวจ 1 คืน หากผลเป็นลบสามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศ โดยนักท่องเที่ยวต้องโหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” สำหรับติดตามตัวตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย
และเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)รองรับการเดินทางช่วงปีใหม่ทสภ.ได้ปรับปรุงพื้นที่จุดตรวจค้นและจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศโซน 1 (บริเวณหลังเคาน์เตอร์เช็กอิน Row A) และจุดตรวจค้นและจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศช่องทางพิเศษโซน 2 (Fast Track) ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร รวม ทั้งหมด 41 จุด เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ใช้บริการและแก้ไขปัญหาความคับคั่งในอาคารผู้โดยสาร
ขณะที่ความคืบหน้าวัคซีนโมเดอร์นาที่ใครหลายๆได้จองไว้ ล่าสุด วัคซีนจำนวน 1,382,500 โดสมาถึงประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วโดยสายการบิน China Airlines เที่ยวบิน CI 0835 จากนี้ ต่อไปจะต้องจับตาโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือปัจจัยเสี่ยงที่กำลังขย่มขวัญคนทั้งโลกนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news