เที่ยงตรงของวันที่ 2 ธันวาคม พุทธศักราช 2551 อีกหนึ่งหมุดหมายหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมกับพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย และตัดสิทธิเลือกตั้งแก่กรรมการบริหารพรรคคนละ 5 ปี และถึงปัจจุบันนี้ก็ครบรอบ13ปีแล้วที่ถูกยุบพรรค
ทั้งนี้ พรรคพลังประชาชน ก่อตั้งเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 เป็นที่รู้กันดีว่า เป็นพรรคอะไหล่รองรับจากกรณีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อ30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 จากนั้นสมาชิกพรรคไทยรักไทยก็ย้ายมาอยู่พรรคพลังประชาชน และที่จัดว่าเด็ดคือ ทักษิณ ต่อสายตรงเทียบเชิญ นายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นหัวหน้าพรรค และได้ หมอเลี๊ยบ นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเลขาธิการพรรค
และต่อมา พรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง และประเทศไทยก็ได้ นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 จากนั้นวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นว่า สมัคร รับเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ รายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยง 6 โมงเช้า” นั้นเป็นการกระทำต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของสมัครสิ้นสุดลง
ทางนายใหญ่ ปรับขบวนทัพใหม่ ส่งญาติสนิทอย่างสามีของน้องสาวคือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ จากนั้น 17 กันยายน 2551 ได้รับการเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของไทย โดยนายสมชายไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล เพราะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดพื้นที่ไว้ตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลสมัคร และก่อนที่ พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบมีนายสมชาย เป็นหัวหน้าพรรค นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเลขาธิการพรรค นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 และมี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ ก็สั่งยุบพรรคพลังประชาชนอีกจากกรณีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคกระทำการฝ่าฝืนและขัดต่อ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ที่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่พรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ต้องร่วมรับผิดชอบ จึงต้องถูกยุบพรรคจาก พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย เจ้าของพรรคตัวจริงอย่างนายใหญ่แม้จะมีคดีความกลับเมืองไทยไม่ได้แต่ก็ยังคงโลดแล่นเป็นผู้นำความคิด ผู้นำจิตวิญญาณ ให้กับประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ยังคงรักและศรัทธาไม่เสื่อมคลาย และช่วงหลัง ทักษิณ แปลงร่างเป็น เฮียโทนี่ ร่ายมนต์ผ่านคลับเฮ้าส์ เป็นประจำ พร้อมหวดรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอจนสื่อหลักต้องหยิบมาเล่นเป็นประเด็นโต้ตอบไปมา
และล่าสุด เฮียโทนี่ เดินหมากเด็ดส่งลูกสาวสุดเลิฟลงมาชิมลางในค่ายเพื่อไทย พร้อมกับภาพ นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2ของไทยลอยมาในสมองของเฮียโทนี่ แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วกี่ปีก็ตาม สัจธรรมหนึ่งที่ยังคงเข้มขลังนั้นคือ ยังไม่มีใครเคยข้ามทักษิณได้เลย เพราะเขายังคงหลอนหลอกรัฐบาลลายพรางที่พรากอำนาจไปจากเขา อย่างต่อเนื่อง!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news