โหมดถนัดด้านความมั่นคง ระแวงสารพัดม็อบจะ “ผสมโรง”กับม็อบการเมือง กลับมาสู่กระบวนคิดและตัดสินใจของ “นายกฯลุงตู่”โดยพลัน ทั้งที่เพิ่งประกาศว่าตัวเองเป็น “นักการเมือง”
พร้อมรับฟังเสียงชาวบ้านนะจ๊ะแบบแต่งตัวรอหากจะมีเลือกตั้งหลังเป็นนายกฯครบเทอม กับท่าทีต่อคำสั่ง ปฏิบัติใช้กำลังเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมของ“ม็อบจะนะ”และจับตัวแกนนำบางส่วนไปหลังบุกชุมนุมหน้าทำเนียบฯเมื่อคืนวาน(6ธ.ค.) เพื่อมาทวงสัญญา ตามที่รัฐบาลเคยให้ “ผู้กองนัส” “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ เมื่อครั้งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดำเนินการขยายผลเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไปสู่เมืองต้นแบบ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นผู้ไปเจรจาและปรากฏเป็น “ข้อตกลง”หรือ “MOU”ออกมาโดย “นายกฯลุงตู่”แสดงท่าทีชัดว่า“ไม่รับข้อตกลง” โดยตอบคำถามนักข่าวถึงกรณีMOUว่า “แล้วตนไปตกลงหรือยัง ครม.ตกลงหรือยัง ก็ยัง” ยืนยันต้อง ครม. เท่านั้น พร้อมแสดงอาการสงสัยม็อบจะนะ และอ้างถึงสาเหตุการสลายเพราะ การข่าวแจ้งว่าจะมีพวกมามั่วสุมเพิ่ม ซึ่งสถานที่ราชการต้องเว้นระยะห่าง150เมตรมาแล้วไม่ไป
เมื่อถามว่าจะต้องตั้งคนมาดูแลแทน “ผู้กองนัส”หรือไม่ “นายกฯลุงตู่”บอกว่า จะให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสำนักนายกรัฐมนตรีไปดูแลและติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้นและควรจะแก้ไขอย่างไร โดยต้องมองสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนที่ไม่เป็นประโยชน์และเป็นปัญหาก็ไม่ต้องไปทำ ก็แค่นั้น ต้องทำให้ถูกต้องตามกติกาและว่า “กฎหมายอะไรก็ตาม บางทีการไปพบปะเจรจาของใครก็แล้วแต่ เวลาไปพูด ไปตกลงกับเขา อย่าลืมว่าไม่ได้ผ่าน ครม. ตนเตือนหลายครั้งแล้วเวลาไปให้รับข้อสังเกตมาแล้วนำมาสู่การแก้ไขปัญหาในรัฐบาล นั่นคือวิธีการทำงานของรัฐบาลจะต้องรอบคอบ”
เรียกว่าเท่ากับ “นายกฯลุงตู่”ที่แม้จะออกตัวว่าพร้อมรับฟังปัญหาโดยจะให้ “รัฐมนตรีแฮงค์”ได้ดูที่มาที่ไป แต่ก็ถือว่าไม่ยอมรับสิ่งที่ “ผู้กองนัส”พร้อมทีมงานผู้ช่วยรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประวิตร”ทำมาตั้งแต่ ลงไปเจรจาเคลียร์กับ “ม็อบจะนะ”หน้าทำเนียบ ปีที่แล้ว วันที่14ธ.ค.2563ที่มีการรับปากในการชะลอการสร้างนิคมอุตสาหกรรมออกไป จนม็อบยอมรับและแยกย้ายกลับ และมีการตั้งอนุกรรมการที่มี “อ.แหม่ม”ร่วมด้วยลงไปทำการศึกษาในพื้นที่ ว่า เป็นกระบวนการดำเนินการของรัฐบาลทั้งที่มีเงาของ “บิ๊กป้อม”อยู่ข้างหลังแถมยังบอกว่าเคยเตือนแล้วหลายครั้งในการไปรับปากใครโดยที่เรื่องไม่ได้เข้ามาที่ครม.
ที่ปมนี้ นักวิเคราะห์การเมืองกำลังจับตา ว่า นอกจากจะแสดงถึงมิติมุมมองการจัดการแก้ปัญหาของ “นายกฯลุงตู่”ที่ชอบพูด “นะจ๊ะ”เวลาอารมณ์ดี ที่ยึด “ข้อกฎหมาย”ตามระบบระเบียบราชการและระแวงระวังกับการชุมนุมเรียกร้องของม็อบต่างๆที่ยังจับต้องกับผู้คนประชาชนไม่ได้ชัดเจนแบบที่“พี่รอง” “บิ๊กป๊อก”มท.1 เคยยอมรับว่ายังใกล้ชิดประชาชนได้ไม่เท่านักการเมืองที่ลงพื้นที่ทุกวันแม้วันหยุด โดย อดไม่ได้ที่จะถูกนำมาเทียบใน “มิติทางการเมือง”กับ “พี่ใหญ่แห่ง 3ป.”อย่าง “บิ๊กป้อม”ผู้มี “ผู้กองนัส”เป็น “มือขวา” ที่มีเรื่องการเมืองมวลชนแบบลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่ในกระบวนการจัดการ ที่งานที่ทำมักเป็นผลบวกกับ “ทีมผู้กองนัส”และพรรคพลังประชารัฐในการขึ้นเหนือลงใต้จัดการปัญหาความเดือดร้อน จนซื้อใจชาวบ้านอันเป็นผลมาสู่ภาพที่ “หัวหน้าป้อม”นำมาเคลมกับการเลือกตั้งท้องถิ่น อบต.ครั้งที่ผ่านมาว่าได้มาถึง 4,500ที่นั่ง และกล้าที่จะประกาศว่า พปชร.จะได้ที่นั่งเพิ่มในกรุงเทพฯอีกเท่าตัวไม่นับรวมกับที่วันนี้ยอมรับกรายๆถึงการเตรียมชิมลางการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่มีข่าวทาบทาม “ผู้ว่าหมูป่า” ในขณะที่ อีกด้านหนึ่งถูกมองไปถึงเงาสะท้อนที่อาจลามไปเป็นรอยปริความขัดแย้ง “ปมใหม่”ใน “ศึกนายพล”กับ”ผู้กอง”ที่ยังไม่มีจังหวะได้เคลียร์ ที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลและทำให้มีโอกาสเปิดอุบัติเหตุการเมือง ที่ ทั้งหมดยังไงปลายทางก็ล้วนส่งผลต่อทิศทางอนาคตทางการเมืองของ พปชร.และ “ศูนย์อำนาจ3ป.”ทั้งสิ้น.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news