ประตูน้ำถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายขนาดใหญ่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร วันนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวและนักช้อปพากันมาจับจ่ายกันอย่างหนาแน่นในช่วงวันหยุดยาว หลังจากกระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันพบผู้ป่วยโควิดโอไมครอนแล้วในไทย
วันนี้ทีมข่าวไอ.เอ็น.เอ็น ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศแหล่งช้อปปิ้งบริเวณประตูน้ำ หรือ ซอยเพชรบุรี 21 ในวันหยุดรัฐธรรมนูญ หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีการแถลงยืนยันพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในไทยแล้ว 3 ราย รอผลยืนยันอีก 1 ราย
โดยบรรยากาศที่ประตูน้ำในวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก มีนักท่องเที่ยวและนักช้อปเดินทางมาจับจ่ายกันอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะชาวไทย ซึ่งมีการคงมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ และจุดตรวจวัดอุณหภูมิ เพื่อคัดกรองก่อนที่จะเข้าไปภายในบริเวณพลาซ่า ซึ่งประชาชนที่เดินทางมาที่ประตูน้ำได้มีการสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา
ด้าน คุณนิด อายุ 25 ปี (สงวนชื่อ-นามสกุล) แม่ค้าที่ประตูน้ำเปิดเผยว่า จำนวนคนที่เดินทางมาซื้อของที่ประตูน้ำในช่วงนี้มีจำนวนเยอะกว่าในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ แต่ยังถือว่าน้อยกว่าในสถานการณ์ปกติ อีกทั้งก่อนหน้านี้ตลาดได้ถูกสั่งปิดไป 2-3 เดือน ทำให้ตนเสียรายได้แต่เมื่อกลับมาเปิดตลาดอีกครั้งก็ดีขึ้น อีกทั้งตนต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ซึ่งก็ได้ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม
ผสข- ตั้งแต่เปิดประเทศมาวันที่ 1 มีลูกค้ามากน้อยขนาดไหนคะจากช่วงล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้
แม่ค้า – ถามว่ามากน้อยขนาดไหนมันก็มากกว่าก่อนล็อกดาวน์ แต่ก็ยังไม่มากขนาดที่จะเป็นปกติ
ผสข – ปัจจุบันก็ยังน้อยกว่าที่เป็นปกติใช่มั้ยคะ
แม่ค้า – ใช่ ก่อนที่จะเป็นโควิด
แม่ค้า – แน่นอนว่ามีความกังวลอีกรอบนึงเช่นกัน เพราะก่อนหน้าที่จะมีการคลายล็อกดาวน์ ตลาดได้โดนสั่งปิดมาค่อนข้างนาน ตอนนี้มีโอไมครอนมาอีกรอบก็มีความกังวลมากเพราะก่อนหน้านั้นยอดขายก็ตกลงมาเยอะเหมือนกัน
โดยเมื่อวานนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการแถลงสถานการณ์โอไมครอนในประเทศไทย ยืนยันพบผู้ติดเชื้อแล้ว 3 ราย ซึ่งทางอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งวิตกกังวล เนื่องจากยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่ แต่ยังไงก็ขอให้มีการคงมาตรการป้องกันโรคโควิด19ต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
