การบ้านปนการเมือง
นายกฯ เผย ศบค.-สธ. ยังไม่เพิ่มมาตรการหลังอังกฤษ พบเสียผู้เสียชีวิตติดโควิด -19 สายพันธุ์โอมิครอน ย้ำ มาตรการด้านสาธารณสุข – เร่งฉีดวัคซีน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณี หลังจากการพบผู้ป่วย เสียชีวิต จากการติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ โอมิครอน ในประเทศอังกฤษ นายกรัฐมนตรีจะมีการประเมินและปรับมาตรการภายในประเทศอย่างไร ว่า กระทรวงสาธารณสุข และศบค. ทราบสถานการณ์อยู่แล้ว โดยได้พิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์อะไรจากที่ประชุมไปเมื่อวานนี้
โดยนายกรัฐมนตรี มองว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมมือ หากมีมาตรการ แต่ไม่นำไปสู่การปฏิบัติร่วมกัน ก็ไม่สำเร็จ ส่วนรวมก็จะเดือดร้อน จึงขอความร่วมมือมาตรการ Covid Free Settings และ DMHTT และเร่งการฉีดวัคซีน
การลงสมัครผู้ว่ากทม.
-ประชาธิปัตย์ เปิดตัว ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม. ทางพรรคประชาธิปัตย์คาดหวังว่า ดร.เอ้จะนำพาชัยชนะกลับมาให้แก่พรรคได้
-พรรคพลังประชารัฐ ได้เลือก ผู้ว่าหมูป่า ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร แต่ล่าสุด ทางผู้ว่าหมูป่าได้ปฎิเสธข้อเสนอของพล.เอกประวิตร ไป
-ลงในนามอิสระ มีบุคคลที่ฉายาผู้สมัครที่แข่งแกร่งที่สุด ชัชชาติ สิทธิพัน ที่หลังจากออกจากพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ได้สังกัดพรรคใด
-ทางพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล ยังไม่เผยตัวผู้สมัครให้ประชาชนได้ทราบ
-ส่วนทางด้าน พต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม.คนปัจจุบัน ยังไม่ได้ให้คำตอบว่า ตนจะลงสมัครท้าชิงตำแหน่งต่อไปหรือไม่
เคาท์ดาวน์”ลุงตู่” ทั้ง“การบ้าน”ทั้ง “โควิด”และ”เศรษฐกิจ” ไม่มีแนวโน้มดีขึ้น
จะด้วยเพราะ “ม็อบจะนะ”ที่มาปักหลักชุมนุมไม่ห่างจากทำเนียบฯเพื่อทวงสัญญาที่รัฐบาล
โดย “ผู้กองนัส”ครั้งเป็น รมช.เกษตร รับมอบหมายจาก “บิ๊กป้อม” “ลุงตู่”ไปรับปากไว้เมื่อปลายปีที่แล้วแต่มาปีนี้ “นายกฯลุงตู่”บอกว่าไม่รู้เรื่องด้วยกับที่ใครไปรับปากชาวบ้านไว้ เสียงดังเข้ามาถึงในทำเนียบฯ หรือจะด้วยเพราะมีหลายเรื่องทั้ง “การบ้าน”และ”การเมือง”ให้คิดช่วงนี้หรือเพราะพูดไปจะเสียมากกว่าได้ไม่ว่าเรื่องไหน ที่ทำให้ “นายกฯลุงตู่”วันนี้(14ธ.ค.) เลือกที่จะงดให้แถลงหลังประชุมครม.บริเวณทางเดินแบบเคย แม้จะมีการเตรียมโพเดี้ยมบนพื้นราบป้องกันการสะดุดไว้ให้สปีคในตึกสันติไมตรีเพื่อหลบเสียงม็อบรบกวน แม้ว่ารัฐบาลจะมี “โปรแจก”เป็น “ของขวัญปีใหม่”ที่ทยอยออกมาช่วงนี้ให้กับประชาชนแบบที่เคยทำทุกปี แบบที่เมื่อวาน(13ธ.ค.)ต้องยอมเสี่ยง “ปล่อยผี”ให้คนปาร์ตี้เคาต์ดาวน์แบบยั้งๆ โดยให้ฉลองปีใหม่กันได้แค่1ชม.หลังงานเคาน์ดาวน์ฉลองนับถอยหลัง “วันสิ้นปี”วันที่31ธ.ค.64 สู่วันขึ้น ปีใหม่1ม.ค.2565 กันแบบสั้นๆ คืองานจบแค่ ตี1
ที่เอาเข้าจริงถึงเวลา ยังไม่รู้ว่าหน้างานการปฏิบัติเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไรกับพวกติดลมที่กำลังอินบรรยากาศงานฉลองครั้งแรกหลังโควิดปิดเมือง
ยังไม่นับรวมมาตรการป้องกันที่เข้มไปก็โดนว่า อ่อนไปก็โดนด่า รวมถึงกับปลายน้ำบรรดา “คุณหมอ”ที่ต้องรอลุ้นผลจากวันเคาวต์ดาวน์อีก7-14วัน ว่าจะมี “คลัสเตอร์”ที่เวทีไหน ปาร์ตี้ไหน มาเป็นชุดๆให้ต้องรับมือกับทั้งโควิดเดลต้า และ โอไมครอน แบบ หลังสงกรานต์ ที่ผ่านมาที่เจอ “นายกฯลุงตู่”เจอเดลต้าตลบหลัง เพราะปล่อยคนนำเชื้อไปและกลับบ้านสงกรานต์ ที่อารมณ์คล้ายกันคือสถานการณ์บีบให้ลองเสี่ยงเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจการจับจ่าย ไม่ต่างจากการที่ “ลุงตู่”ยอมเสี่ยง “เปิดประเทศ”แบบหวัง “เงินฝรั่ง”เข้ามาเที่ยวจับจ่ายให้ไทยช่วงปลายปี แม้จะ “เสียจังหวะ”จาก “โอไมครอน”กลับมาแต่ก็เหมือนไฟต์บังคับให้ต้องทำแม้ยังมีปัญหา “ความพร้อม”การฉีดวัคซีนที่ยังไม่ถึงเป้า
เรียกว่าเรื่อง “การบ้าน”ทั้ง “โควิด”และ”เศรษฐกิจ”ที่ว่า ก็ทำให้ต้องคิดเยอะอยู่แล้ว ยังมีเรื่อง “การเมือง”ที่พันกับ “การบ้าน”แบบเคส “ม็อบจะนะ”ที่มาจ่อตรงหน้า ในจังหวะที่ “นายกฯลุงตู่”กำลังเรตติ้งตกขาลง กำลังต้องการ “ปั่นแต้ม”เพื่อ”ไปต่อทางการเมือง”กับชาวบ้านทุกภาคเหนือจรดใต้ จากการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆก่อนหน้าจนมีการเปรียบเทียบกับ “พี่ใหญ่”ที่มี “ผู้กองนัส”ที่มีปัญหากับ”นายกฯลุงตู่”ตั้งแต่เหตุการณ์”กบฏผู้กอง”ในสภาฯจนถูกปลดจากรัฐมนตรีพร้อม “อ.แหม่ม” เป็นมือขวา ที่ยิ่งนานวันของการไม่มีโอกาสจะเคลียร์ก็ยิ่งมีปัญหาใหม่ๆที่เกิดจากส่วนหนึ่งของริ้วรอยความขัดแย้งระหว่างกันผุดพรายมมาเรื่อยๆทั้งในมิติ”การบ้าน”การบริหารบ้านเมือง และ”การเมือง”กับกลเกมการเมืองทั้ง”บนดิน”และ”ใต้ดิน”ทั้งที่ทำเนียบฯและที่สภาฯ
และที่ยิ่งทำให้บรรยากาศพาไปสู่การ “เคาต์ดาวน์การเมือง”ไปสู่ “ปีใหม่”คือการเริ่มกลับสู่โหมดเลือกตั้ง ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น อบจ. ถึง อบจ.ที่อั้นมาเกือบ10ปี และจ่อมาถึง “ผู้ว่ากทม.”ที่”บิ๊กวิน” “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง”ผู้ว่าจากแต่งตั้งของ”ลุงตู่”นั่งมานานพอๆกับรัฐบาล เป็น “สัญญานไปสู่การเลือกตั้งสนามใหญ่ในไม่ช้า แบบมี “อัตราเร่ง”อย่างมีนัยยะสำคัญดังภาพการลงพื้นที่ของทุกพรรคการเมือง ถึงขนาดเพียงแค่เพียงมีข่าว”ยื้อเลือกตั้งผู้ว่ากทม.”ก็ถูก”ทัวร์ลง”ทันที จน “พี่รอง-น้องเล็ก”ต้องออกมาปฏิเสธเมื่อวาน อันเป็นวันเดียวกับที่”พรรคประชาธิปัตย์”เปิดตัว “ดร.เอ้”ลงสมัครผู้ว่ากทม.แข่งกับ “ชัชชาติ สิทธิพันธ์”ที่ลงอิสระโดยมีฝั่งพรรคเพื่อไทยหนุน
โดยคอการเมืองประเมิน การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่บรรยากาศกำลังถูกบิ๊วด้วย “คนเก่ง”มีคุณภาพมีความรู้ทั้งแบบ “นักคิดและปฎิบัติ”เข้ามาเป็น “ตัวเลือก”ในการเป็น”นักบริหาร”ไม่ใช่”นักปกครอง”แบบ “จับต้องได้”วิจารณ์ได้เพราะมาจากการเลือกตั้ง ให้กับ “คนกรุงเทพฯ” ที่ทิศทางกระแสความคิด มีผลกับการเมืองสนามใหญ่ มีความน่าสนใจในทิศทางการเมืองถัดไป แบบที่อาจทำให้การเมืองรูปแบบเก่าที่เต็มไปด้วยร่องรอย “ความขัดแย้ง”ระหว่าง “ฝ่ายจารีตอนุรักษ์”และ “ฝ่ายเสรี””ที่ถูกยกอ้างข้อโจมตีแบบดั้งเดิมกับ”คู่ขัดแย้ง”ทั้งเจนเรชั่นม็อบ และรวมถึงการเมืองเก่าที่มี “กลุ่มทุนผูกขาด”เป็นสปอนเซอร์หนุนหลัง จนเกิดปัญหาปลายน้ำกับชาวบ้าน แบบที่กำลังสะท้อนผ่านรัฐบาลปัจจุบันทั้งล่าสุดและทั้ง7ปีที่ผ่านมา
ที่ทั้งหมดถูกมองว่า มีแนวโน้มจะ “เอาต์”และมีแนวโน้มถูกdisruptionหายไปโดยปริยายแบบเริ่มเคาต์ดาวน์นับถอยหลังจากที่ผู้คนเรียนรู้ถึง “ผลกระทบ”ที่ได้รับทั้ง”สุขภาพ”จากโควิด และจาก “ปากท้อง”ที่ผ่านมา อันส่งผลไปถึง “ความคาดหวัง”การเมืองใหม่ ที่ไร้ความขัดแย้งแบบ”ทางเลือกที่สาม”เข้ามาแก้สถานการณ์ที่กำลังวิกฤติเศรษฐกิจโควิด ที่เริ่มมีพรรคการเมืองเริ่มมาแนวนี้ และมีนักการเมืองเก๋าๆที่วิเคราะห์ขาดเริ่มมูฟออนจากพรรคเก่าแก่เข้าไปร่วมบ้างแล้ว