หายใจหายคอโล่งไปเปราะหนึ่งกับการตัดสินใจ “ดึงจังหวะ”ออกไปแบบมีมติครม.ให้ชะลอโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ออกไปก่อน และให้ สภาพัฒน์ฯ ทำSEA ประเมินผลสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
ทุกฝ่าย มีส่วนร่วม โดยให้ “รองนายกฯสุพัฒนพงษ์” ดูแล หลังถูก”ม็อบความเดือดร้อนชาวบ้าน”ผสมโรงทำท่าทยอยมาล้อมกรอบ แบบถนนทุกสายพุ่งตรงทำเนียบรัฐบาล และพุ่งตรงไปที่ “นายกฯลุงตู่”ลามเลยถึงทุกองคพายพอำนาจ จากที่รัฐมีท่าทีแข็งกร้าวสลายม็อบ6ธ.ค.และมามีท่าทีจาก “นายกฯลุงตู่”ที่ปฏิเสธไม่รู้เรื่องด้วยกับที่ “ผู้กองนัส”ไปทำMOUกับชาวจะนะ แม้จะมีท่าทีความไม่พอใจจาก“บิ๊กของกลุ่มทุนหลัก”ที่ส่งผ่าน”สัญญาน”ออกมาเมื่อวาน(14ธ.ค.) ที่จับอาการ”นายกฯลุงตู่”วันนี้ ถึงขนาดต้องอัดคลิป ระหว่างเดินทางไปพื้นที่ภาคใต้ ขอบคุณ”ม็อบจะนะ”ที่ยอมแยกย้ายกลับบ้าน และฝ่ายสนับสนุนโครงการ ว่า ยังไงก็คนไทย รัฐบาลจะทำให้โปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมายอยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย
ก่อนให้ “โฆษกรัฐบาล”ย้ำอธิบายเอาชัวร์อีกทีว่ารับปากมั่นเหมาะแน่จากนายกฯเอง ว่ารู้ถึงความห่วงใย “ภาคประชาชน”ตั้งใจแก้ปัญหาจริงจัง จนมีมติครม. ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรม ก้าวหน้าแห่งอนาคต” และมอบให้หน่วยงานทำ SEA หรือผลการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ประกอบไปด้วยผู้แทนกลุ่มต่างๆ ทั้ง นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งให้รับข้อเสนอของ “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” และผลการดำเนินการของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ มาพิจารณาด้วย โดยยึดหลักความโปร่งใส และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยย้ำว่าตั้งใจแก้ปัญหาให้ได้จริง
ถึงกระนั้นหลายฝ่ายก็ยังไม่เชื่อ ไมว่าจะเป็น แกนนำม็อบจะนะ อย่าง“ประสิทธิชัย หนูนวล”ที่บอกว่าแม้มติ ครม. ชะลอโครงการ โดยให้สภาพัฒน์เป็นแม่งานทำ SEA ถือเป็นชัยชนะของพลังภาคประชาชน แต่การสลายการชุมนุมจะนะ ก็ทำคะแนนนิยมพลังประชารัฐ หล่นฮวบ หากยังมีการพลิกลิ้นอีกคงไร้ที่นั่ง ส.ส.ก่อนจะบอกว่าเลือกตั้งครั้งหน้าคนใต้คงไม่เอา “พรรคประชาธิปัตย์”เพราะไม่เหลียวแลชาวจะนะ เช่นเดียวกับนักวิชาการจากนิด้า “อ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” ที่มองว่าแนวคิดแบบอำนาจนิยมนำไปสู่ความขัดแย้ง และเชื่อรัฐบาลอ่อนข้อให้ แค่เป็นการเรียกคะแนนก่อนเลือกตั้ง เพราะบริบททางสังคมและบริบททางการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก ดังนั้น การตัดสินใจของรัฐบาลต่อการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อประชาชนในห้วงเวลาที่รัฐบาลกำลังจะหมดวาระและการเลือกตั้ง ส.ส.ใกล้เข้ามาเต็มที ย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรครัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่อย่าลืมว่ามติครม.แบบ”ดึงเช็ง”ปม”นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”เช่นการ “ดึงจังหวะ”กำหนด การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ออกอีกไปกลางปีหน้าหลังดึงมา2ปี แบบที่ออกมาเมื่อวาน นอกจากจะอยู่ในจังหวะที่ “นายกฯลุงตู่”จะลงพื้นที่ภาคใต้วันนี้(15ธ.ค.) และอยู่ในจังหวะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพร เขต 1 และสงขลา เขต 6 แทน “ถาวร เสนเนียม”และ “ชุมพล จุลใส” อดีต แกนนำ
กปปส.และส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่กำลังกลายเป็น “สนามทดสอบ”ซ้อมมือ ก่อนสนามจริงการเลือกตั้งใหญ่ ของหลายพรรคการเมืองในรัฐบาลเอง โดยเฉพาะ “พรรคพปชร.”ภายใต้การนำทัพของ “ผู้กองนัส”และ “หัวหน้าป้อม”ที่กำลังเดินหน้าเก็บแต้มชนะเลือกตั้งซ่อมส.ส.มาได้อย่างต่อเนื่องรวมถึงที่ได้ล่าสุดที่”นครศรีธรรมราช”แทน “เทพไท เสนพงศ์”จากพรรคปชป.ที่อยู่ในสภาพถดถอยนับตั้งแต่เลือกตั้งปี2562 ที่เสียที่นั่งส.ส.ภาคใต้28ที่นั่งจาก50ให้ พปชร.,ภูมิใจไทย,ประชาชาติ และรวมพลังชาติไทย ที่ทั้งหมดยังไม่นับรวมว่า พื้นที่กรุงเทพฯและ ภาคใต้ เป็นจุดได้เสีย ที่วัดกันระหว่าง “เรตติ้ง”ของ “นายกฯลุงตู่”ผู้ทำให้ได้ส.ส.พรรค พปชร.ที่มาจากกระแส”เลือกสงบจบที่ลุง”ที่เคยมีข่าว “ผู้กองนัส”ทำโพลหลังผ่าน7ปีแล้วพบว่าเรตติ้งตกเช่นกัน.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news