สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตช่วงปลายปีแบบนี้คงต้องยกให้ภาคเหนือมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะด้วยอากาศที่เย็นสบาย ผสมผสานกับธรรมชาติที่สวยงาม จึงเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเยือน แม้ว่าขณะนี้จะพบโควิด-19สายพันธุ์โอไมครอนเข้ามาในประเทศ จนทำให้รัฐบาลต้องปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติชั่วคราวอีกครั้ง แต่นี่ ก็ไม่ทำให้การท่องเที่ยวภาคเหนือเงียบเหงา
โดยนางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ(ตอนบน) เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ไม่กังวลกับการปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทาง Test and Goนั่นเพราะตั้งแต่เปิดประเทศเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวทางภาคเหนือไม่ได้รับอานิสงส์จากส่วนนี้เท่าไหร่ เนื่องจากปัจจุบัน 95% ยังเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ สำหรับยอดจองที่พักในโรงแรมภาคเหนือช่วงปลายปี 2564 เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ภาพรวมเดือน ต.ค. ประมาณ 25% ซึ่งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทยช่วยทำให้กำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าในเดือน ธ.ค.จะปิดที่ 80% โดยจุดเด่นที่เป็นเสน่ห์ของภาคเหนือก็ยังเป็นเรื่องของสภาพอากาศทีดี และความเป็นธรรมชาติ มีความเสี่ยงน้อยที่จะพบการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงราคาที่พักสามารถจับต้องได้ไม่แพง
ยอดจองโรงแรมดีขึ้นเรื่อยๆ เดือน ต.ค.ภาพรวม25% โครงการเราเที่ยวด้วยกัน,ทัวร์เที่ยวไทย ช่วยทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น มีการเดินทางเชื่อมโยงมากขึ้น จากการเปิดเที่ยวบินจากเมืองสู่เมือง คาดว่า ธ.ค. จะปิดที่80% สวนดอกไม้ สภาพอากาศที่ดี จุดขายของวิถีใหม่ เชียงใหม่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ความเสี่ยงน้อยที่จะเจอ คลัสเตอร์ใหม่ มองว่าในวิกฤตก็เป็นโอกาสในการท่องเที่ยวภาคเหนือ
สำหรับการท่องเที่ยวในปีหน้า 2565 นั้น นางละเอียด มองว่าช่วงไตรมาส 1 ถึง ไตรมาส 2 สัญญาณน่าจะดีขึ้นจากการท่องเที่ยวในประเทศ แต่ยังคงต้องจับตามาตรการของทางภาครัฐที่จะออกมากระตุ้นการท่องเที่ยวในอนาคต
จากนี้ต่อไปคงต้องจับตาภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2565 อย่างใกล้ชิด โดยมีโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอนเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งแนวโน้มการระบาดในไทยนั้น ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส ระบุว่า ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ประเมินในช่วงหลังปีใหม่ 2565 จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยจะมีโอกาสเพิ่มขึ้น โดยคาดจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่อาจกลับไประดับ 1-2 หมื่นรายต่อวัน และสายพันธุ์โอไมครอน จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50% ในช่วงครึ่งหลังของ ม.ค.-ก.พ. 2565 แต่เชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยหนักจะมีเพียง 200-400 ราย ซึ่งคาดว่าระบบสาธารณสุขยังรองรับได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
