“ประวิตร” รับบุคคลแห่งปี ไม่ติดใจฉายาสื่อทำเนียบตั้ง ลั่นรองช้ำเพื่อชาติ ไม่เป็นไร ระบุเตรียมเคาะผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมหลักสี่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ซูเปอร์โพล ยกให้ตนเป็นบุคคลด้านการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนและปัญหาสังคมแห่งปี 2564 ว่า ตนก็จะทำต่อไปให้ดีที่สุด และเดินหน้าช่วยประชาชนต่อไป ซึ่งเป็นพื้นฐานของพรรคที่ต้องการช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ส่วนที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาให้ว่า”รองช้ำ”นั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่ารองช้ำเพื่อชาติไม่เป็นไร รองช้ำเพื่อให้ประเทศชาติอยู่ต่อไป
ส่วนชื่อผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ยังไม่มีการเคาะชื่อ ขอให้รอการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคบ่ายวันนี้ และไม่ทราบว่ามีชื่อเข้าชิงแคนดิเดตของพรรคเยอะหรือไม่
ส่วนชื่อนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ภรรยาของนายศิระ เจนจาคะ จะเข้าตาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนไม่รู้ เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะเคาะกันในช่วงบ่ายวันนี้ และมองว่าการที่นายสิระ ลงพื้นที่พร้อมกับภรรยานั้น ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะได้ติดตามลงพื้นที่ด้วยกันทุกครั้งอยู่แล้ว
ขณะที่การส่งผู้สมัครลงชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังไม่ทราบว่าจะเคาะชื่อเมื่อไหร่ ส่วนสถานการณ์ชายแดนหลังเกิดการปะทะในประเทศเมียนมานั้น พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า ไทยได้มีการป้องกันตามแนวชายแดนอยู่แล้ว
“อนุทิน” ย้ำหลังปีใหม่ กลับมา WFH 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงแพร่โควิด-19
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง มาตรการที่จะเข้มข้นหลังปีใหม่ ว่า เท่าที่รับฟังความเห็นจากทางการแพทย์ เบื้องต้นมีข้อเสนอ ให้ Work From Home 1 สัปดาห์ หลังจากกลับจากปีใหม่ หรือจำกัดการทำงานแบ่งเป็นช่วงเวลาเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งความเห็นเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ดี หากทำได้ก็จะเกิดความปลอดภัยมากขึ้น
“สาธิต” ระบุวันนี้ ครม.เตรียมหารือมาตรการรับมือโอไมครอนหลังปีใหม่ คาดทราบตัวเลขผู้ติดเชื้อชัดหลังปีใหม่ 2 สัปดาห์ หลังประชาชนกลับภูมิลำเนา-อั้นพฤติกรรมรวมกลุ่ม
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาหารือในที่ประชุมครม.ในวันนี้ เพราะว่าได้มีการจำลองฉากทัศน์ และปัจจัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และพยายามที่จะขอความร่วมมือกับประชาชน ว่า จะต้องให้ความสำคัญเรื่องของมาตรการ หากปฏิบัติตามมาตรการจะช่วยให้สถานการณ์เป็นไปตามภาพที่เราจำลองไว้ และเชื้อโอไมครอนไม่มีอาการรุนแรง แต่พยายามไม่ให้กระทบกับความเชื่อมั่น เพราะหากติดเชื้อแล้วจะนำไปสู่กระบวนการกักตัว รักษาที่บ้าน แต่อย่างไรก็ตามจะกระทบกับความรู้สึกของประชาชนในภาพรวม หากช่วยกันทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดน้อยลงให้มากที่สุด ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสร้างความเชื่อมั่นให้กับการเปิดประเทศ
ส่วนมาตรการหลังเทศกาลปีใหม่ นายสาธิตระบุว่า จะนำมาตรการมาประเมินอีกครั้งและกิจกรรมในช่วงปีใหม่ คงหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโอไมครอนยากขึ้น ลักษณะในการรวมตัวกัน และกลับมาทำงานอีกครั้ง ถ้าเป็นการทำงานที่บ้านก็จะลดการแพร่กระจายเชื้อได้ดี ฉะนั้นขอให้เฝ้าระวังมาตรการเพื่อป้องกันไว้ก่อน คือ สิ่งที่สามารถทำได้เลย โดยเฉพาะส่วนราชการขอให้ Work From Home ให้ได้มากที่สุด โดยได้ออกเป็นประกาศขอความร่วมมือไปแล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าหลังปีใหม่ไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ชัดเจน
ส่วนการประเมินสถานการณ์หลังปีใหม่ นายสาธิต กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะปรากฏในอีก 1 สัปดาห์ ที่จะเห็นจากพฤติกรรมที่อั้นมานาน และคิดว่าหลังช่วงปีใหม่ 1-2 วันจะทราบ และขณะนี้ตนได้มีการเตรียมพื้นที่สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีลงมา ซึ่งยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนที่จะมีโอกาสการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีโรงพยาบาลภาคีเครือข่ายกรุงเทพฯเป็นผู้ดูแล หากอาการหนักจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเอกชน ขณะที่การเปิดภาคเรียนก็จะดูอัตราการติดเชื้อของเด็กที่ต้องดูสัมพันธ์กัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
