Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

สัมภาษณ์พิเศษ จุรินทร์ กับแผนงานพาณิชย์ปี 65

สัมภาษณ์พิเศษ จุรินทร์ กับแผนงานพาณิชย์ปี 65

 

-ถ้าประเมินตัวเอง ผมคงไม่ประเมิน ก็คงต้องให้ประชาชนเป็นผู้ประเมิน แต่ว่าถ้าดูจากผลการสำรวจความคิดเห็นหรือหากสอบถามความเห็นในภาพรวม ก็จะพบว่างานของกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้รับการยอมรับ ในระดับที่ต้องถือว่าดี ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ โดยเฉพาะเกษตรกรที่เป็นเป้าหมายของนโยบายประกันรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด ก็ถือว่าประชาชน เกษตรกร พอใจ จากนโยบายประกันรายได้ เพราะบางช่วงแม้ราคาพืชผลเกษตรตัวนั้นจะตกลงไปบ้าง แต่ก็จะมีเงินส่วนต่างเข้าไปช่วย ทำให้เค้ามีรายได้ ตามรายได้ที่ประกัน อันนี้ก็ถือว่าในส่วนเกษตรกรน่าจะอยู่ในพื้นที่เป็นที่พอใจ แม้แต่พืชเกษตรตัวที่ไม่ได้ เป็นเป้าหมายของการประกัน ก็เป็นที่พอใจ เพราะว่าราคาก็ดี ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ เกือบจะเรียกว่าในภาพรวม ทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ดี และดีมาก ยกเว้นบางช่วงที่มันทะลักกันออกมา และเกิดปัญหาในเรื่องของด่านผ่านแดนที่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อันนั้นก็มันอาจจะติดขัดบ้าง ในส่วนกลุ่มพ่อค้า ผู้ส่งออก นักธุรกิจ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นที่น่าพอใจ เพราะว่าเราได้จับมือทำงานร่วมกันโดยต่อเนื่อง แล้วก็จริงจัง ใกล้ชิด มาโดยตลอด แก้ปัญหาเชิงรุกได้ทันทีที่มีปัญหา นะครับ ไม่ว่าจะเป็นสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ในส่วนของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ สมาคมธนาคาร สมาพันธ์เอสเอ็มอี และกลุ่มอื่นๆ ทั้งหมด ผมประเมินว่า สำหรับกลุ่มนี้ น่าจะเป็นภาคบวก ในการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์นะครับ และก็รวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เราเดินหน้าโครงการปั้น Gen Z เป็น CEO อันนี้ผมคิดว่า จากการที่เราได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับเด็กรุ่นใหม่ ก็เป็นที่พอใจทั้งหมด ทุกคนยืนยันว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ และก็จะช่วยสร้างอนาคตให้กับตัวเค้าเองด้วย อนาคตให้กับประเทศด้วย

 

– ความจริงก็มีหลายเรื่อง นะครับ อย่างน้อยที่สุดงานที่ได้ทำไว้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องที่จะต้องเดินหน้าต่อไป เช่น ประกันรายได้ ในเรื่องของเร่งรัดการส่งออกนะครับ ในเรื่องของการดูแลเรื่องค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องราคาสินค้าอุปโภค บริโภค รวมทั้งในเรื่องของการที่จะต้องขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งในระดับทวิภาคี ระดับพหุภาคี ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่า ในระดับพหุภาคี ที่ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรรมให้เห็นชัดเจน และมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.65 ก็คือ RCEP นอกจากนั้นก็จะมีในเรื่องของการที่จะขับ เคลื่อนจัดทำ Mini-FTAซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา ก็สามารถลงนาม กับไห่หนานของจีน หรือมณฑลไหหลำ และ เมืองโคฟุ ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านอัญมณี ปีหน้าก็จะต้องเดินหน้าทำต่อไปโดยเฉพาะกับ รัฐเตลังกานา ของอินเดีย กับ มณฑล กานซู ของจีน ซึ่งมีมุสลิมมาก แล้วก็จะเป็นเป้าหมายในการส่งออกสินค้าฮาลาลของไทย ไปที่นั่นได้ด้วย และล่าสุดได้เริ่มที่จะหารือกันกับเมือง เซินเจิ้น ซึ่งถือเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ใหญ่ลำดับต้นของจีน นะครับ อันนี้คือเรื่องที่จะต้องทำต่อ ที่มีพื้นฐานมาจาก2ปี

 

– แต่ว่าสิ่งที่จะต้องเดินหน้า เริ่มต้นใหม่ และให้ความสำคัญเพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ ในเรื่องของการที่จะให้ความสำคัญกับ SOFT POWER ในส่วนที่จะทำทั้งเรื่องของภาคการผลิต ภาคบริการ และภาคการตลาด เพราะว่าถือว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีศักยภาพ ซึ่งปีที่ผ่านมา ผมก็ได้เริ่มต้นไปบางส่วนแล้ว เช่นในเรื่องของ Digital Content ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของ SOFT POWER นะครับ อันนี้ก็จะเป็นประเด็นหลักอันหนึ่งที่จะต้องเดินหน้าให้เห็นเป็นรูปธรรม นอกจากนั้นก็ในเรื่องที่เราจะชูเรื่องการใช้ BCG Modelในช่วงที่เราจะเป็นเจ้าภาพ เอเปค นะครับ ในปี 65 ที่ว่านี้ เป็นต้น อีกอันหนึ่งก็คือ ในเรื่องของการที่จะปั้น Gen Z เป็น CEO ที่จะต้องเดินหน้าต่อไป เพราะว่า ปีที่ผ่านมา หรือ 2 ปีที่ผ่านมา เราสามารถสร้างเด็กรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมการเป็นนักธุรกิจ และก็เป็นผู้ส่งออกไปได้ 2 หมื่นคนปี 65 นี้ ก็จะให้ได้อีกไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube