เริ่มเปิดหน้า-ศึกหลักสี่
ปชป. ขอบคุณชาวสงขลา-ชุมพรให้โอกาสกลับมาดูแลพื้นที่ ตั้งเป้าเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ส.ส.ภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 35 คน ขอ”ธรรมนัส” หยุดโวยวาย มอง ยิ่งพูดยิ่งไม่ดีกับพปชร.
นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กำกับดูแลภาคใต้ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง เขต 6 จังหวัดสงขลา เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา ว่า มั่นใจในศักยภาพในการตัดสินใจของพี่น้องชาวสงขลา คิดได้คิดเป็น และให้โอกาสประชาธิปัตย์ ทุกคนเริ่มจะกลับมาหาประชาธิปัตย์ยุคใหม่ เป็นโอกาสที่ประชาธิปัตย์จะต้องกลับมา เป็นทิศทางที่ดีมากๆ สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ในการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต ตนได้พบปะพี่น้องประชาชนทุกหมู่บ้านทุกตำบล ทุกคนที่เคยเบื่อ น้อยใจประชาธิปัตย์เริ่มกลับเข้ามาหา ประชาธิปัตย์ ดังนั้น การเลือกตั้งรอบหน้า น่าจะเป็นผลดีมากขึ้น สำหรับประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งทั่วไป พร้อมตั้งเป้าได้ ส.ส.ภาคใต้รอบหน้าไม่ต่ำกว่า 35 คน
ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาพรรคพลังประชารัฐ ระบุมีการทุจริตเลือกตั้งนั้น มองว่า ยิ่งพูดยิ่งไม่ดีกับพรรคพลังประชารัฐเอง เราเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จบก็คือจบ อย่ามาโวยวาย หลังจากคณะกรรมการ ซึ่งเป็นประชาชนตัดสินแล้ว
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สส.จังหวัดตรัง ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต 1 จังหวัดชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า การเลือกตั้งซ่อมเขต 1 จังหวัดชุมพร เหนื่อยอย่างแสนสาหัส เพราะเจอการต่อสู้ทุกรูปแบบ หากพรรคไม่มั่นคง แข็งแรง ก็จะพังทลายลงได้ และการที่รอบนี้ ได้คะแนนมากกว่าทุกครั้ง เกิดจากความศรัทธาของชาวชุมพรที่รักความเป็นธรรม ซึ่งเป็นเมืองนักสู้ หากรู้สึกว่าคนของตนถูกรังแก ก็จะลุกขึ้นมาปกป้องคนดี
ส่วนเส้นทางการเมืองของนายอิสรพงษ์ มากอำไพ หรือ เลขาฯ ตาร์ท ว่าที่ สส. ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง การเมืองยุคนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะมีความแตกแยก มีแนวคิดที่ต่างกัน แต่โดยประสบการณ์ของนายอิสรพงษ์ ก็สามารถช่วยได้และคนในพรรคจะเป็นพี่เลี้ยงให้
ขณะเดียวกัน มองว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 เขต ทางพลังประชารัฐต้องทบทวนตัวเอง โดยเฉพาะเลขาธิการพรรคที่ทำตัวใหญ่โต
ส่วนเหตุกระทำผิดเลือกตั้งใน 5 ราย ที่เกิดเหิดในเขต 1 ชุมพร ตนไม่อยากจะคิดว่าเป็นการดิสเครดิต เพราะคนที่โพสต์ Facebook รู้เร็วและพยายามขยายผลเหมือนตั้งใจให้กระทบกับคะแนนเสียงอีกฝ่าย
“ปารีณา” แจงปมโพสต์เฟซบุ๊ก ยันไม่ได้หมายถึงการซื้อเสียง ชมปชป.ซื้อใจประชาชนเก่งกว่า พปชร.
นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงว่ากรณีการระบุข้อความในเฟซบุ๊กว่าซื้อเก่งกว่าจริง แต่มิได้หมายถึงการซื้อเสียง และไม่มีประโยคใดเขียนว่า ซื้อเสียงโดยที่โพสต์ไปนั้นเป็นการชื่นชมประชาธิปัตย์ว่า ซื้อใจประชาชนเก่งกว่าพลังประชารัฐเท่านั้น ซึ่งการจะซื้อใจคนได้ต้องประกอบด้วยความดี และต่างๆ มิใช่เงินทอง
โดยปารีณาชี้แจงเพิ่ม หลังนายราเมศ รัตนเชวง ทักท้วงเรื่องซื้อเสียง ทำให้ปารีณาจึงลบโพสและเขียนใหม่ชัดๆเลยว่าแสดงความยินดีด้วย
ส่วนกรณีที่นายราเมศจะดำเนินคดี นั้น มีการแจ้งว่าจะดำเนินคดีหลายหนแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีมาแต่อย่างใด พร้อมขอให้สื่อมวลชนจบเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากเห็นว่าการเลือกตั้งซ่อมจบไปแล้วและวันนี้ต้องเดินหน้ากันต่อ
“พันธุ์เทพ-ไทยภักดี”หาเสียงเคหะแจ้งวัฒนะรับฟังปัญหาราคาอาหาร ค่าครองชีพของประชาชน
นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยภักดี เขตหลักสี่-จตุจักร พร้อมทีมงานลงพื้นที่หาเสียงในเคหะแจ้งวัฒนะ (แจ้งวัฒนะ ซอย 14) โดยนายพันธุ์เทพ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนมาเดินหาเสียงแต่เช้าตรู่ก็เพราะอยากทักทายกับพี่น้องที่ไปทำงานช่วงเช้ากัน ซึ่งบางทีอาจจะไม่เจอตอนตนกลับมาหาเสียงในช่วงเย็นอีกรอบ ตลอดเส้นทางเดินหาเสียงในบริเวณแฟลตนั้นก็ได้พูดคุย สอบถาม และรับฟังปัญหาราคาอาหารและค่าครองชีพของพี่น้อง ในทุกที่ที่ได้เดิน ตนอยากพบกับพ่อแม่พี่น้องทั้งช่วงเช้า ช่วงเย็น และช่วงค่ำ ตนจึงออกหาเสียงลงพื้นที่เพื่อได้พบกับประชาชนที่ออกไปทำงานในช่วงเช้า ตนจะได้รับฟังปัญหาต่างๆ ช่วงเย็นเราก็จะมาอีกรอบ บางทีคนกลับดึกก็จะไม่ได้เจอพวกเราเหมือนกัน จึงตั้งใจเดินเช้าตรู่ถึงพลบค่ำ ของทุกวัน และตนก็นำปัญหาต่างๆ ในพื้นที่มาสะท้อนตามนโยบายพรรค
ทั้งนี้ พรรคไทยภักดี ไม่เคยมี ส.ส.ในสภา แต่องคาพยพไทยภักดี มีผลงานมากกว่าบางพรรคในสภา ตนจึงย้ำในสิ่งที่เราทำมาโดยตลอดเพื่อให้พี่น้องเราอิ่มปากอิ่มทอง พรรคตนไม่มีนายทุนพวกตนช่วยกันแก้ไขเมื่อประชาชนขอให้ติดป้ายเพิ่มเราก็ไปกัน ความอบอุ่น การต้อนรับ และคำอวยพรเกิดขึ้นตลอดที่ได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชน โดยการเดินหาเสียงของพวกเราผมย้ำกับทีมงานอยู่เสมอว่า ให้เดินหรือใช้รถแห่อย่างระมัดระวัง ให้หลีกทางพี่น้องประชาชนในตลาด ชุมชน และผู้สัญจรไปมา อีกทั้งการติดป้ายหาเสียงหากเป็นชุมชนควรติดป้ายหาเสียงเล็กที่จะไม่กีดขวางการสัญจรของประชาชนทั่วไป ตนยิ่งเดินยิ่งมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
“สุรชาติ” ลงพื้นที่ชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง พบปะประชาชน ย้ำไม่ได้ตั้งเป้าหมายพิเศษในการหาเสียง
นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่กับนายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม ที่ชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ซึ่งตลอดการลงพื้นที่ประชาชนให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวให้กำลังใจ นายสุรชาติ เป็นอย่างดี โดยนายสุรชาติ กล่าวว่า ตนไม่ได้ตั้งเป้าหมายพิเศษในการหาเสียงแต่อย่างใด เพราะลงพื้นที่เป็นปกติอยู่แล้ว
ซึ่งการหาเสียงจนถึงก่อนวันเลือกตั้งที่จะให้ครบทุกพื้นที่ของเขตหลักสี่-จตุจักรนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นพื้นที่ใหญ่จึงต้องใช้เวลา ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าหลังการเลือกตั้ง ผลจะเป็นอย่างไร ตนก็จะยังอยู่เคียงข้างประชาชน เพียงแต่ในช่วงนี้จะพยายามลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ขอประชาชนที่ไม่เห็นหน้าตนช่วงนี้อย่าพึ่งน้อยใจ
ในส่วนของมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ล่าสุดที่ทุ่มงบกลางกว่าพันล้านบาทในการดำเนินโครงการพาณิชย์ลดราคา เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพงนั้น ตนมองว่า เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล ไม่ช่วยเศรษฐกิจในภาพรวม หรือเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งรัฐบาลควรแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะยาวด้วยการกลับไปแก้ที่ต้นเหตุ
ด้าน นายสรวงศ์ กล่าวย้ำถึงการเฝ้าระวังกรณีทุจริตเลือกตั้งซ่อมว่า จากการลงพื้นที่ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อม ตนได้รับรายงานจากประชาชนตลอดเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง แต่หากสื่อ หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)อยากทราบว่าตรงไหนมีการทุจริต ก็ขอให้ไปถามประชาชนเองจะได้คำตอบดีที่สุด พร้อมหวังว่า การให้ข้อมูลของประชาชนจะนำไปสู่การดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจังเสียที เพื่อให้การเมืองสะอาด และถือเป็นกำลังใจของคนทำงานในพื้นที่
“พิธา”นำก้าวไกลหาเสียงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ โวเห็นถึงบรรยากาศของประชาธิปไตยมีการแข่งขันกันนำเสนอผู้สมัคร
บรรยากาศการหาเสียงของนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคก้าวไกล ที่ตลาดเช้าวิภาวดี 64 ได้มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลลงพื้นที่ช่วยหาเสียงแนะนำตัว ซึ่งได้รับการตอบรับดี ทักทายอย่างเป็นกันเองและขอถ่ายรูป อีกทั้งยังมีพรรคการเมืองอีก 2 พรรค คือพรรคพลังประชารัฐ ,พรรคกล้า ลงพื้นที่หาเสียงในที่เดียวกันด้วย
โดยนายพิธา กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เพราะเห็นบรรยากาศของประชาธิปไตย ที่มีการแข่งขันกันนำเสนอผู้สมัคร นโยบาย ในยามที่ประเทศปั่นป่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี อยากให้รักษามาตรฐานในการลงพื้นที่พบปะประชาชนไว้ ขณะเดียวกันตนก็รู้สึกดีใจ ที่ในสัปดาห์นี้จะมีญัตติสภาด่วน เกี่ยวกับสินค้าราคาแพง ซึ่งนอกจากจะลงพื้นที่มาช่วยผู้สมัครหาเสียงแล้ว ก็มาเก็บข้อมูลด้วย ว่าจะมีเรื่องใดนำเสนอต่อรัฐบาลในสภาด้วยส่วนกลยุทธ์ในการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย จะต้องทำงานหนักขึ้น มีการปรับให้ละเอียดมากขึ้น พร้อมกล่าวถึงการจัดปราศรัยใหญ่ของพรรคในวันเสาร์ที่ 22 ม.ค. นี้ ที่ลานเสนานิคม 2 ว่าจะต้องทำให้เข้าไปอยู่ในใจของประชาชนมากที่สุด ในระยะเวลาที่เหลืออยู่
ส่วนการยื่นเรื่องของเข้าหาเสียงในค่ายทหาร นายกรุณพล กล่าวว่า ได้รับการตอบกลับมาว่ามีพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวที่ขอเข้าไปหาเสียง ยังไม่มีพรรคอื่นขอเข้ามา เพราะฉะนั้นจึงยังไม่อนุญาต และมองว่าเป็นการได้เปรียบพรรคอื่น ซึ่งตนมองว่าการเปิดพื้นที่สาธารณะ พรรคใดจะเข้าไปหาเสียงเป็นสิทธิทางประชาธิปไตย ถ้ารอให้ทุกพรรคขอเข้าไปหาเสียงจนถึงวันเลือกตั้ง ก็คงไม่ได้เข้าไป พร้อมย้ำว่าพรรคก้าวไกล มีนโยบายเพิ่มสวัสดิการทหาร ลดจำนวนนายพลลง และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งการไม่ได้เข้าไปประชาสัมพันธ์นั้น ตนคิดว่ามีผลกระทบกับคะแนนเสียง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ทั้งนี้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะหน่วยงานไหน ก็จะดำรงความยุติธรรมไว้ ตามที่ให้คำสัตย์ไว้ก่อนจะเข้ารับราชการ แต่ที่ห่วงคือความเข้าใจผิด และห่วงสวัสดิการทหาร ตำรวจ และเรื่องตั๋วช้าง
“พิธา”อัดรัฐล่าช้าแก้ของแพง จี้ พาณิชย์-เกษตรฯอย่าละเลยประชาชน ชี้ปัญหาของรัฐบาลไม่ใช่ปัจจัยหลักทำก้าวไกลมีคะแนนเพิ่ม
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงของรัฐบาล ว่า ล่าช้า และที่ผ่านมายังแทบไม่มีสัญญาณอะไรที่บอกว่าเงินเฟ้อจะทำให้สินค้าแพงขึ้น ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากงบประมาณที่ควรงบประมาณกองทัพให้เป็นงบประมาณเศรษฐกิจฐานราก ประเทศไทยถึงจะรอด พร้อมกล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของรัฐมนตรีในช่วงที่เกิดปัญหาของแพง ว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แทนที่รัฐบาลจะใช้ช่วงเวลาในการหาเสียงพูดถึงนโยบายเพื่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลับใช้เวลาในการโจมตีกันเองในรัฐบาล จึงอยากฝากไปยังรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวง คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ,กระทรวงพาณิชย์ ว่าอย่าละเลยประชาชน ในช่วงที่กำลังลำบาก การลงเลือกตั้งเป็นการขอความไว้วางใจกับประชาชน และตอบสนองความต้องการของประชาชน คงไม่ใช่ช่วงที่ต้องการจะได้ผู้แทนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ในช่วงที่ประชาชนกำลังลำบากขนาดนี้
ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะทำให้พรรคก้าวไกล ได้คะแนนมากขึ้นนั้น ไม่ใช่เพียงแค่รอยร้าวของรัฐบาล ยังมีบริบทในพื้นที่ซึ่งต้องเข้าใจว่าการเลือกตั้งซ่อมแต่ละครั้ง บริบทพื้นที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเปรียบเทียบจากพื้นที่อื่นได้ พรรคก้าวไกล ทำงานเป็นทีม มีสัดส่วนคนรุ่นเก่าและใหม่แบบลงตัว ซึ่งไม่ท้อ แต่กลับมีกำลังใจเพิ่มขึ้น พรรคก้าวไกลพร้อมสู้ต่อในเขตหลักสี่ เพื่อผลักดันให้นายกรุณพล เทียนสุวรรณ เข้าสภาให้ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews