ปมปากท้องรอไล่ลุง
@ในจังหวะเว้นวรรค“ศึกใน”จากเกมสภาฯระหว่าง “ปิดสมัยประชุม”นอกจากปรากฎร่องรอยการเคลียร์ “ทุ่นระเบิด”ที่จะเกิดขึ้น อันส่งผลต่อสถานะภาพนายกฯของ “ลุงตู่”หากเปิดสภาฯในเดือนพ.ค.65 ที่ต้องมีการพิจารณากฎหมายสำคัญทั้งการเงินงบประมาณ ความมั่นคง โดยเฉพาะคิว “ศึกซักฟอก”ที่แม้วงกินข้าว “3ป.”“พรรคร่วมรัฐบาล”และ “พรรคเล็ก”จะมีการ “รับปาก”ประคอง “นายกฯลุงตู่”ไปจนถึงสิ้นปีได้ประชุมเอเปค แต่ก็ยังไม่อาจไว้วางใจได้กับ “กองกำลังอิสระ”ของ ““ผู้กองนัส” ที่ยังยืนยันไม่ขึ้นตรงกับใคร แบบพร้อมจะสางแค้นกับ “นายพล”ได้ทุกขณะเมื่อมีโอกาส
ทำให้ภาพ “เสี่ยแฮ้งค์”“อนุชา” “แรมโบ้”ผนึก “เทพโจ๊ก”ลุย ธุรกิจ“หวยออนไลน์”ทั้งเครือข่าย “หวยมังกรฟ้า”และ “กองสลากพลัส”ถูกจับตาความเชื่อมโยงไปถึงผลทางการเมืองกับบาง “ตัวละครปฏิปักษ์”กับ “ศูนย์อำนาจ”โดยเฉพาะความพยายามเชื่อมโยงถึงส.ส.บางราย โดย “แรมโบ้” ที่บังเอิญมีความสอดคล้องกับการรื้อคดีตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอดีตรัฐมนตรีบางคน ที่เชื่อมถึงธุรกิจหวยโดย ปปช.
@ที่พอยน์นี้ บังเอิญมาสอดรับกับภาพวันนี้ “บิ๊กป้อม”มีการออกปากว่า กำลังจะส่ง “บิ๊กโจ๊ก”ที่กำลังนัวกับเรื่อง “หวย”ไปเขมรพาคนไทยที่ถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กักขังใช้งานนับพันคนกลับประเทศ เพราะทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกัน “หัวหน้าป้อม”ยังพูดถึงโพล “เรตติ้งลุงตู่ตก”โดยยืนยันว่า คะแนนไม่ตก ยังไปต่อได้ โพลล์นิด้า ไปถามใคร ถามเด็ก ก็ได้เด็ก ถามผู้ใหญ่ ก็ได้ผู้ใหญ่ ตนเองก็มีการทำโพลล์คะแนน นายกฯไม่ตก และตนก็เลือกนายกฯอยู่แล้ว ยังไปได้
ส่วน ผลโพลล์ นิด้า คะแนน “อุ๊งอิ๊ง-พิธา”พุ่ง สะท้อนว่า ต้องการคนรุ่นใหม่ นั้น ก็แล้วแต่ เพราะคนรุ่นใหม่ ที่เขาไม่เอา ก็มี และที่เอา ก็มี ก็แล้วแต่ประชาชน ว่าจะเลือกใคร กระนั้น “หัวหน้าป้อม”ก็ยังมี “ทิ้งทุ่น”ย้ำว่า “ยังไม่ปิดประตูตาย”กับอนาคตในการจับมือระหว่างพรรค พลังประชารัฐ กับ พรรคเพื่อไทย โดยบอกว่าให้ถึงเวลาเลือกตั้งเสร็จก่อนว่าใครได้อะไรยังไง ค่อยว่ากันตอนนี้ยังไม่รู้
@กระนั้นในประเด็น “เรตติ้งตก” และประเด็นการไหลไปสู่ความต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล จากผู้คน ที่สะท้อนผ่านโพลสำรวจ“นิด้าโพล” “และ”สวนดุสิต”ที่มีทั้งปมการเมืองใครจะเป็นนายกฯที่ “นายกฯลุงตู่”หล่นไปอันดับ3 โดน “พิธา”จาก”ก้าวไกล”แซงไปแยะ แถมคะแนนพรรคการเมือง พลังประชารัฐ(พปชร.)ก็ถูกเพื่อไทยทิ้งขาด ในขณะประเด็นเศรษฐกิจปากท้องก็สะท้อนถึงความกังวลจากประชาชน ซึ่งจะมีโอกาสสะท้อนผ่านการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.22พ.ค. ที่ทุกพรรคการเมืองทั้งใหม่เก่าเล็กใหญ่ไม่พลาดที่จะ “ชิมราง”ส่งคนสมัครสก.เพื่อไม่ให้ “ตกเทรนด์”
@ที่ทั้งหมดก็ถูกวิเคราะห์เชื่อมโยงถึง สถานการณ์ปากท้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจาก 3 วิกฤติที่ “นายกฯลุงตู่”ที่ออก 10 มาตรการรับมือปมพลังงานวันก่อน จะบอกว่าโชคร้าย “โดน2เด้ง”คือ “โควิด”,”เศรษฐกิจ”และ “สงครามยูเครน”ที่ทำให้ เดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ถูกจับตาว่าจะเกิดภาวะ “ข้าวยากหมากแพง”ขึ้นจากคิวการขึ้นราคาในทุกสิ่งรวมถึง “อาหารการกิน”
อันมาจากปัจจัย “พลังงาน” อย่างที่เริ่มมีการส่งสัญญานผ่านคิว ราคาก๊าซหุงต้ม ที่จะปรับขึ้น 1 เม.ย. น้ำมันดีเซล ที่จะตรึงราคา 30 บาท ถึง 30 เม.ย. ค่าไฟฟ้าที่จะปรับขึ้นถัดจากนั้น ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนขนส่ง ซึ่งจะกระทบไปถึง “ค่าครองชีพ” ต้นทุนการดำเนินชีวิตของประชาชน ที่มีความกังวลอย่างที่ “สวนดุสิต”สำรวจมา ว่า ผู้คนหนักใจ มากที่สุด คือ ของแพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง ถึง 89.73% อันดับ 2 คือ การแก้ปัญหาของรัฐบาล ร้อยละ 57.10
@เรียกว่าแม้ “นายกฯลุงตู่”จะเคลียร์ทุ่นระเบิดการเมืองทั้ง “ศึกใน”ระยะใกล้ และ “ศึกนอก”ระยะไกล กับความพยายามสกัดการ “แลนด์สไลด์”ของ “การเมืองฝ่ายตรงข้าม”อย่าง “เพื่อไทย”กับจังหวะการแก้ไขกติกาในกฎหมายลูก 2 ฉบับ ที่กรรมาธิการ จะมีการเคาะปม “บัตรเลือกตั้ง2ใบ”วันพรุ่งนี้ แต่ประเด็นสำคัญที่จะเป็นปมเร่งปฏิกริยาต่อรัฐบาลคืออารมณ์ความรู้สึกของผู้คนเรื่อง “ปากท้อง”ที่กำลังเริ่ม “เผาหัว”รอไปถึงวัน “ซักฟอก”เดือนพ.ค.หากเดือนเม.ย.ผู้คนได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันก็เป็นอัตราเร่งไปถึงความต้องการ “ทีมใหม่”ที่มีศักยภาพด้านการแก้วิกฤติเศรษฐกิจ หลังการเลือกตั้งเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews