ท่ากลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ทั้งจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความขัดแย้งจนเกิดสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน ทำเอาราคาสินค้าและราคาพลังงาน รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงทะลุเพดานในรอบหลายปี สร้างปัจจัยเสี่ยงในหลายระลอก
แต่แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะผันผวนความเสี่ยงสูง แต่การแถลงข่าว สภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ที่ออกมาเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ไตรมาสที่ 1/2565 ขยายตัวได้ร้อยละ 2.2 ต่อ
เนื่องจากที่ขยายตัวร้อยละ 1.8 ในไตรมาสที่ 4/2564 มาจาก ภาคเกษตรที่เร่งตัวขึ้น และภาคนอกเกษตรขยายตัวจากภาคบริการที่ได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการส่งออกยังขยายตัวได้ร้อยละ 14.6 มีมูลค่า 73,288 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ 21.3 ในไตรมาสก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 65 เหลือโตร้อยละ 2.5 ถึง 3.5 โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ 3 ลดลงจากครั้งก่อนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ถึง 4.5 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน
รวมทั้งราคาพลังงานในช่วงที่ผ่านมาที่ส่งผลกระทบถึงอัตราเงินเฟ้อถือได้ว่าการปรับเป้ารอบนี้ลดไปกว่าร้อยละ 1 ทำให้เครื่องยนต์หลักอย่างกระทรวงการคลังต้องเร่งกำลังเต็มที่เพื่อเป็นหลักในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศจากการลงทุนภาครัฐผ่านทางงบใช้จ่าย และงบลงทุน
โดยน.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้เปิดเผยผ่าน สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การเบิกจ่ายภาครัฐในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ยังคงเบิกจ่ายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งในส่วนของไตรมาส 3 และ 4 คงจะต้องเร่งรัดการเบิกจ่าย
โดยเฉพาะงบลงทุนของภาครัฐ ที่จะทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งการเบิกจ่ายผ่านทางกรมยังคงเร่งรัดการเบิกจ่ายในส่วนภูมิภาคต่างๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังคงเน้นย้ำการเร่งรัดการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีงบประมาณ เพื่อเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากเม็ดเงินการลงทุนจากภาครัฐเพราะภาคการท่องเที่ยวยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่แม้จะมีการเปิดประเทศ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแต่ก็ยังเป็นจำนวนที่ไม่มาก เหมือนช่วงก่อนมี โควิด-19
ซึ่งจากนี้คงต้องหวังกลไกภาครัฐ ผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อเนื่องแทนเครื่องยนต์หลักตัวอื่นที่ชะลอตัว ทั้งภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศที่ลดลง หลังได้รับแรงกดดันจากภาวะตลาดเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews