วันนี้เป็นการพบกันครั้งแรกของนายกฯ กับนายชัชชาติ ในฐานะผู้ว่ากทม.ด้วยบรรยากาศ ชื่นมื่น โดยยืนยันได้มีการพูดคุยกันแล้ว พร้อมร่วมมือกันทำงาน
เพื่อประโยชน์ของประชาชน ขณะที่มติศบค.อนุญาตให้ถอดแมสก์ตามสมัครใจปรับโซนเขียวทั่วปท. ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ นับเป็นครั้งแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา หลังรับตำแหน่ง
โดยก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 (ศบค.) นายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ได้นำเข้าพบเพื่อแนะนำตัว กับนายกรัฐมนตรี พร้อมได้ปรบมือต้อนรับ และยังมอบเหรียญที่ระลึกสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี ของกรมธนารักษ์ และสมุดบันทึก ด้วยบรรยากาศชื่นมื่น
ซึ่งภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้ยืนแถลงข่าวพร้อมนายชัชชาติ ที่วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและนายกเมืองพัทยาได้พูดคุยกันแล้วและจะร่วมมือกันทำงานที่เราต้องรับผิดชอบกันด้วยความร่วมมืออย่างครบถ้วนในทุกๆ เรื่อง
ซึ่งได้คุยกับทุกคนและรู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ถือโอกาสดีได้แนะนำในศบค.ไว้ด้วย จริงๆ คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการทำงานช่วยกันทุกอย่าง เพื่อพี่น้องของประชาชนของเราทั้งประเทศ และวันนี้ที่เชิญมาพิเศษคือนายกเมืองพัทยาด้วย เพราะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว
ขณะที่กทม.ปกติก็มาร่วมประชุมอยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาก่อนเลือกตั้งก็มีการส่งปลัดกทม.มาเป็นผู้แทนก็เข้าใจกันหมดไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกันโอเคนะ เดี๋ยวจะฟังท่านพูดหน่อยไหม
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้นายชัชชาติ แถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งนาชัชชาติ กล่าวว่า พร้อมดำเนินการร่วมกับรัฐบาลเต็มที่ เพราะเราทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ขณะที่มติศบค. ก็มีความผ่อนคลายขึ้น
ซึ่งจะเป็นนิมิตหมายที่ดีที่สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง และเราก็พร้อมที่จะร่วมดำเนินการทุกอย่างกับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้นายชัชชาติ ยังได้บอกกับสื่อมวลชนว่าวันนี้ถือว่าดีที่ได้พบกับนายกรัฐมนตรีแม้ว่าก่อนหน้านี้จะพบกันมาหลายปีแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พาเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า และตึกภักดีบดินทร์ รวมถึงสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ที่ได้มีการปรับภูมิทัศน์ในสมัยที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และตึกภักดีบดินทร์ ก็เป็นตึกที่สร้างขึ้นใหม่
สำหรับมติที่ประชุมศบค.ในวันนี้ ได้เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร มีผล 1 ก.ค. 2565 โดยมาตรการจะเริ่มดำเนินการได้ทันทีหรือหลังประกาศราชกิจจานุเบกษา คือพื้นที่สถานการณ์ ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เป็นระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว)
ทั้งประเทศ มาตรการการใส่หน้ากากอนามัย ควรสวมหน้ากากและให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แออัด สถานที่ปิดหรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก การบริโภคสุรา หรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง
ให้เปิดบริการได้ตามปกติตามที่กฎหมายกำหนดการยกเลิก การคัดกรองอุณหภูมิ ไม่มีความจำเป็นต้องคัดกรองอุณหภูมิในอาคารสถานที่ ด้านการเว้นระยะห่าง แนะนำให้มีการเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรค การตรวจ ATK ใช้เฉพาะเมื่อกรณีเป็นผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ หรือหากมีการรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน การอนุญาติให้การผลิตรายการโทรทัศน์ พิธีกรสามารถถอดหน้ากากได้การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว
ผ่อนคลายให้การดำเนินการเป็นไปตามปกติ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้ฝากความห่วงใยในที่ประชุม ว่าขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลและประชาสัมพันธ์พร้อมขอความร่วมมือ
ในการสวมหน้ากากอนามัยภาคสมัครใจ เพราะยังเป็นการป้องกันที่ดีและมีราคาประหยัด และสามารถป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย พร้อมยกเลิกระบบ Thailand pass ทั้งนักท่องและคนไทย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews