ครม. ได้มีมติอนุมัติมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซ NGV, LPG ออกไปอีก 3 เดือน ส่วนในประเด็นการเมืองวันนี้ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ทางโฆษกรัฐบาลเป็นผู้ตอบคำถามแทน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ โดยมีบรรดารองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ได้มีการพิจารณามาตรการเร่งด่วนที่จะช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ สถานการณ์วิกฤตด้านพลังงาน ที่มีแนวโน้มยืดเยอะอยู่ในขณะนี้จากสถานการณ์ความขัดแย้งโลก
โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบหนักหน่วงและสะสมในหลายมิติ ทั้งราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางประเทศผู้ผลิตก็ส่งออกเท่าที่จำเป็น ทำให้ห่วงโซ่การผลิตนั้นขาดแคลน ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวก็ชะงักลงในปัจจุบัน ยืนยันว่า รัฐบาลมีการติดตามมาอย่างต่อเนื่อง และมีความกังวลใจ จึงได้สั่งการให้มีการประชุมหารือตลอดเวลาเพื่อศึกษาแนวทางที่เป็นประโยชน์ที่สามารถดำเนินการได้
โดยที่ประชุม ครม.มีมติ ให้มีการตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV 15 บาท 59 สตางค์ ต่อกิโลกรัม ส่วนในโครงการ NGV ลมหายใจเดียวกัน ราคา 13 บาท 62 สตางค์ต่อกิโลกรัม เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 16 มิ.ย.ถึง 15 ก.ย. 2565 พร้อมกับกำหนดกรอบราคาขายปลีก ก๊าซ LPG ถัง 15 กิโลกรัม ราคา 408 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่ก.ค.-ก.ย. นอกจากนี้ ยังเน้นการดูแลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และมีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล ร้อยละ 50 ในราคาขายที่สูงกว่าลิตรละ 35 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน คงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1 บาท 40 สตางค์ต่อลิตร พร้อมยังขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมัน นำส่งกำไรจากค่าการกลั่นส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อลดภาระราคาค่าน้ำมันให้กับประชาชนทั้งน้ำมันดีเซลและเบนซินอีกด้วย
ต่วันนี้เป็นที่น่าสังเกต คือ นายกรัฐมนตรี ตั้งใจที่จะไม่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นการเมือง โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ผู้สื่อข่าวได้มีการถามย้ำในหลายครั้ง ซึ่งได้มอบหมายให้ทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบคำถามแทน ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือประชาชนเฉพาะหน้า กรณีผู้ให้บริการรถร่วม ขสมก.พร้อมใจลดตำนวนการให้บริการลง 80% สืบเนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนราคาพลังงานได้รัฐบาลมีแนวทางในการแก้ปัญหา,การลดการให้บริการภาคขนส่ง รถทัวร์ 27 บริษัท 143 เส้นทางทั้วประเทศ, มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนในวิกฤติพลังงาน
ส่วนความเคลื่อนไหวประเด็นทางการเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐยังคงยืนยันว่า พรรคเล็กจะสนับสนุนรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นเดียวกับพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ประกาศจะเป็นองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประวิตร ก็เพราะเขาร่วมรัฐบาล มีแค่บางคน ก็แล้วแต่ความคิดไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ถูกพุ่งเป้าจากฝ่ายค้านและพรรคเล็ก ก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเก็งข้อสอบ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ถามมาก็ตอบไปเท่านั้น
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุถึงกรณีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อสภาผู้แทนราษฎรนั้นเป็นญัตติเถื่อน ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นสิทธิของตนในการตรวจสอบ หากเกิดความเคลือบแคลงสงสัย แต่เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ เช่นเดียวกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พปชร. ที่ได้ยื่นหนังสือถึงนายชวน ให้ตรวจสอบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 11 คน ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ม.151 หรือไม่เช่นกัน และเมื่อเทียบเคียงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วย และมีนักกฎหมายหลายคนออกมาให้ข้อมูลในประเด็นดังกล่าว
นายสุชาติ ยังยืนยันว่า ไม่ได้กลัวการตรวจสอบแต่อย่างใด แต่ต้องเป็นการตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญที่ถูกต้อง ซึ่ง จากการที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านได้ออกมาระบุว่า ร่างญัตติมีการเซ็นรายชื่อในวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งมีรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเพียง 10 คน แต่วันที่ 15 มิถุนายนพบว่ามีการเพิ่มเติมรายชื่อรัฐมนตรีเป็น 11 คน ซึ่งมีการเก็บตกลายเซ็นของส.ส. และมองว่าการเพิ่มญัตติใหม่ในวันที่ 15 ผู้ที่เซนรับรองญัตติเดิมได้มาเซนรับรองใหม่หรือไม่ พร้อมกับมองว่ากรณีดังกล่าวเป็นลักษณะคล้ายกับการฝากเพื่อนกดบัตรแทนกันหรืออาจมองได้ว่ายิ่งกว่าการเสียบบัตรแทนกัน
โดยย้ำว่า พร้อมชี้แจง หากพูดใส่ความก็หักล้างสู้กัน เพราะเชื่อมั่นว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ให้มาวัดกันใครผิด ใครถูก ต้องยอมรับว่าอยู่ในประเทศไทยต้องยึดถือรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ด้วยความถูกต้อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews