เมื่อบริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย ออกโรงทวงเงินรัฐบาลไทยกว่า 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวมยอดค้างชำระย้อนหลัง 14 ปี ทะลุไปกว่า 27,000 ล้านบาทใน โครงการก่อสร้างโฮปเวลล์ หลังจากผ่านมา 14 ปี
ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ พร้อมกับขอ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ หยุดใช้กฎหมาย และกระบวนการยุติกรรม หน่วงเหนี่ยวการชดใช้ค่าเสียหายเมื่อบริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย ออกโรงทวงเงินรัฐบาลไทยกว่า 11,888 ล้านบาท
พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวมยอดค้างชำระย้อนหลัง 14 ปี ทะลุไปกว่า 27,000 ล้านบาทใน โครงการก่อสร้างโฮปเวลล์ หลังจากผ่านมา 14 ปียังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ พร้อมกับขอ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ หยุดใช้กฎหมายและกระบวนการยุติกรรม หน่วงเหนี่ยวการชดใช้ค่าเสียหาย
โดย นายคอลลิน เวียร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย บอกถึงกรณีนี้ ว่า หลังคณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. คืนเงินตอบแทนลงทุน เงินลงทุน และหนังสือค้ำประกันสัญญาสัมปทาน และค่าธรรมเนียมแก่บริษัทโฮปเวลล์ รวม 11,888 ล้านบาท
พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 จนถึงวันนี้ ล่วงเลยมา 14 ปี ยังไม่มีการชำระเงินเงินดังกล่าว กระทั่งยอดเงินความเสียหายบานปลายเกินกว่า 27,000 ล้านบาท
และมีความพยายามใช้กลไกทางกฎหมายประวิงการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ และไม่เคารพคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด มุ่งหวังเพียงเพื่อจะไม่ต้องคืนเงินให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ฯ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อภาพลักษณ์การลงทุนของประเทศไทย กระทบความเชื่อมั่นด้านการลงทุน
หลังจากที่ โฮปเวลล์ ได้ออกโรงทวงค่าเสียหายกับภาครัฐแล้วนั้น ไม่รอช้า กระทรวงคมนาคมได้มีการโต้กลับ ทันที โดยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ได้สอบถามไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ให้รายละเอียดว่า
สำหรับกรณีโฮปเวลล์ เมื่อช่วงปี 2562 มีหน่วยงานภาครัฐ องค์กรฝ่ายบริหาร รวมทั้งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำการตรวจสอบโครงการโดยละเอียดปรากฏว่ามีความผิดปกติในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโครงการ ขั้นตอนการทำสัญญา ขั้นตอนการบริหารสัญญา ขั้นตอนการบอกเลิกสัญญา รวมถึงขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ เป็นต้น
ดังนั้น หากกระทรวงคมนาคม และ การรถไฟฯจะปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยมิได้ใช้สิทธิตามกระบวนการของกฎหมาย ก็ย่อมถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และประชาชนในกรณีที่
กระทรวงคมนาคมและ การรถไฟฯ ร้องขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่ ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมและ การรถไฟฯได้ดำเนินการในกรณีโฮปเวลล์ เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม รวมทั้งยึดมั่นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ
กระทรวงคมนาคม ยืนยันจะเดินหน้ายืนฟ้องต่อศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และประชาชน
กรณีของค่าโง่โฮปเวลล์ ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่หลายฝ่ายต่างให้ความสนใจและเป็นประเด็นที่ไม่สามารถจะเจรจาและตกลงกันได้จนเกิดเป็นคดีความมายาวนาน ซึ่งต้องติดตามว่าหลังจากนี้หน่วยงานภาครัฐจะแก้ปมนี้อย่างไรหลังจากที่มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีใหม่จะต้องจ่ายหนี้ 2.7 หมื่นล้าน ให้กลับโฮปเวลล์ หรือไม่หรือหน่วยงานรัฐจะไม่ต้องเสียผลประโยชน์ใด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews