สงครามรัสเซีย ยูเครน ยืดเยื้อมากกว่า4 เดือนแล้ว และสงครามนี้คือหนึ่งในสาเหตุหลัก ที่ทำให้ราคาพลังงานทั่วโลกเกิดวิกฤต ซึ่งประเทศไทยก็ไม่มีข้อยกเว้น ราคานำมัน และก๊าซ พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง
จนกลายเป็นประเด็นสำคัญทางการเมือง ที่บรรดานักการเมือง ทั้งใน และนอกสภา หยิบยกมาเป็นคีย์หลักในการสาดโคลนโจมตีกันไปมา และเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ และรัฐมนตรีอีก 10 คนในสภาเร็วๆ นี้
แม้จะไม่มีชื่อของ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รัฐมนตรีพลังงาน เป็นเป้าหมายก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าเป็นเพราะผลงานดี เพราะแม้รัฐบาลหมดเงินแผ่นดินไปจำนวนมหาศาลในการพยายามจะอุ้ม จะตรึงราคา บางชนิดเอาไว้เพื่อให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
แต่ก็ยังไร้ผล แถมปัญหายังทวีคูณยิ่งขึ้น เพราะสินค้าอื่นๆ ขอขึ้นราคา เพราะอ้างต้นทุนจากพลังงานทั้งสิ้น จนไม่รู้ว่า กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เอาไม่อยู่แล้วจริงๆ หรือไม่ “พล.อ.ประยุทธ์” จึงตัดสินใจใช้เครื่องมือหลัก ไพ่ตายใบสุดท้าย “สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.” เข้ามาควบคุมดูแลแก้วิกฤตพลังงาน และอาหารของประเทศแทน เหมือนเมื่อครั้งรับมือโควิด 19 นั่นเอง
มาตรา.7 สภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559 มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
1. จัดทำนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
2. เสนอแนะและให้ความเห็นในการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติในมิติด้านความมั่นคง หรือประเด็น เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ
3. พิจารณากำหนดยุทธศาสตร์หรือแผนด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่อง แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติ และแผนบริหารวิกฤตการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ
4. กำหนดแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีพิจารณา
5. ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ
6. กำกับและติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
7. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น หรือตามที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
เมื่อครั้งพล.อ.ประยุทธ์ ใช้ สมช.ดูแลแก้ปัญหา โควิด 19 ในช่วงแรก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ สมช.คือคียม์แมนสำคัญ สามารถดำเนินการหลายๆ อย่างตอบโจทย์
ในการควบคุมโรคระบาดได้เป็นอย่างดี จนสถานการณ์คลี่คลายได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนส่งไม้ต่อให้ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ดำเนินการต่อ และต้องมารับภาระที่หนักมากขึ้น เมื่อ”บิ๊กตู่” จำเป็นต้องใช้สมช.แก้ปัญหาวิกฤตพลังงาน และอาหารด้วย
ซึ่งหากดูตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ ก็ถือว่าเข้าข่ายหลายข้อ ที่เปิดช่องให้ สมช.เข้ามาดูแลแก้ปัญหานี้ เพื่อความมั่นคงของชาตินั่นเอง ซึ่งเลขาฯ สมช.ยืนยันว่าการทำงานจะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น สภาพัฒน์ก็จะมีข้อเสนอในส่วนของสภาพัฒน์,กระทรวงพลังงานก็จะมีแนวทางแก้ไขของกระทรวงพลังงาน
แต่ สมช.จะเป็นฝ่ายรวบรวมข้อมูลประสานงานและประเมินผล เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคต จะเป็นการทำงานคู่ขนานกัน จะเสนอแนวทางแต่ทุกอย่าง ตามกฎหมายและตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงที่รับผิดชอบ ส่วนพ.ร.บ.ความมั่นคง
จะใช้เมื่อยามจำเป็น ส่วนผลงานของ สมช.กับการแก้ปัญหาพลังงาน และอาหาร จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องให้เวลาเป็นตัวชี้วัด ว่าจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หรือไม่ และไม่ว่าจะสำเร็จ หรือล้มเหลว หมากเกมนี้ “บิ๊กตู่” วางเดิมพันเอาไว้สูงอีกแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
