จากสถานการณ์ราคาพลังงาน และสินค้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ต่อภาคเอกชนที่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ภาคประชาชนที่ต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ทางรัฐบาลเองก็ได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อมาบรรเทาความเดือดร้อนเหล่านี้ แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ ในส่วนของภาคเอกชนโดยนายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย ได้บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ล่าสุด สินค้าส่วนใหญ่ได้ปรับราคาขึ้นไปหลายชนิดแล้ว ตามต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่ปรับสูงขึ้น
ซึ่งทันทีที่ราคาปรับขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง และมองว่า สิ่งที่น่ากลัวก็คือหากสินค้าปรับราคาขึ้นไปหมดแล้ว แต่กำลังซื้อไม่มี ก็จะทำให้เกิดภาวะเงินฝืด ของแพงขึ้น แต่การจับจ่ายใช้สอยน้อยลง เพราะประชาชนมีรายได้เท่าเดิม
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า จากปัญหาราคาสินค้า และพลังงานงานที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันนั้น ก็มาจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ หากยังไม่คลี่คลายทุกอย่างจะพุ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้เกิดความกังวลในเรื่องของค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย
“เรื่องที่เรารู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่ดูท่าทางจะยืดเยื้อส่งผลทำให้ค่าพลังงานขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเกิดสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายแต่กลับบานปลาย ในอนาคตก็จะส่งผลทำให้ค่าครองชีพทุกอย่างพุ่งเป็นเงาตามตัว เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่ขณะนี้ภาวะเงินเฟ้อไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ภาวะเงินเฟ้อเป็นปัญหาของโลกในปัจจุบันนี้
ทำให้ค่าครองชีพทุกอย่างมันพุ่งขึ้นไปหมด ราคาสินค้า อาหารการกิน ค่าเดินทางทุกอย่างขึ้นหมดเลย เราก็กังวลเพราะว่ารายได้ของภาคครัวเรือน รายได้จากคนทั่วไปก็ยังไม่เพิ่มขึ้นเยอะ ค่อยๆ เพิ่มอย่างช้าๆ แต่ในขณะที่ค่าครองชีพสวนทางกันพุ่งขึ้นเร็ว ทำให้ปัจจุบันนี้จะเห็นว่ารายได้คนส่วนใหญ่ ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นไป ราคาสินค้าที่สูงขึ้นไป”
ทั้งนี้นายเกรียงไกร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของปัญหาเรื่องพลังงานคิดว่ารัฐบาลเองรู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร และประเทศไทยเองเป็นเพียงผู้นำเข้าน้ำมันมาใช้ ไม่ได้เป็นผู้กำหนดราคาน้ำมัน ซึ่งการกำหนดราคาน้ำมันเป็นเรื่องของโอเปกและผู้ค้าน้ำมัน
” ผมว่าภาครัฐเขารู้ แต่ว่าราคาน้ำมันเนื่องจากประเทศเราต้องนำเข้า เราใช้อยู่ น้ำมันเนี้ยนำเข้ามาวันละประมาณ 9แสนบาร์เรล เราไม่ได้เป็นผู้กำหนดราคาน้ำมัน มันเป็นกลไกของโอเปกและผู้ที่ค้าน้ำมัน เราก็เป็นผู้นำเข้าเพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้คือต้องช่วยกันประหยัดและใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ”
จากนี้ต่อไปคงต้องจับตาสถานการณ์ราคาพลังงานและสินค้าต่างๆ ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ภาคเอกชน ธุรกิจต่างๆ และประชาชนหาเช้ากินค่ำ จะต้องเผชิญกับน้ำมันแพงของแพงไปอีกนานเท่าไหร่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
