Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

อัจฉริยะ ร้อง เอาผิด 20 ตร.

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ตรวจสอบการกระทำของตำรวจในคณะสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รวม 20 คนในชงคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ดาราสาวที่เสียชีวิตจากการตกเรือสปีดโบ๊ทในแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนนทบุรี

 

นายอัจฉริยะ มองว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี และคณะพนักงานอัยการภาค 1 ที่ใช้คำสั่งตามมาตรา 169 ให้ผู้ต้องหาบนเรือนนำโทรศัพท์มือถือส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหมายเรียกให้มาสอบเพิ่ม และขอตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้ต้องหา ช่วงวันที่ 22-28 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุ ประเด็นนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน กลับไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ

 

โดยผู้ต้องหา อ้างว่า เคยส่งมอบโทรศัพท์ให้พนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือบก. ปอท.ไปแล้ว ทั้ง 2 คนยืนยันว่า ให้ไม่ได้ เป็นเรื่องขัดต่อรัฐธรรมนูญ สิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหา จึงขอใช้สิทธินี้ไม่ส่งมอบให้ เรื่องนี้นายอัจฉริยะมองว่าเป็นเรื่องที่ตำรวจทำไม่ถูกต้อง ที่ยินยอมให้ผู้ต้องหาไม่ส่งมอบโทรศัพท์มือถือให้ และไม่ได้มีการดำเนินคดีใดๆกับผู้ต้องหาในฐานขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งมีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับไม่เกิน 500 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องเข้ามาร้องขอให้บก.ปปป.ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องและผู้ต้องหาทั้งสองคน อีกครั้งยังไม่ควรปล่อยมือถือของทุกคนไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ มองว่าเหตุที่อัยการจังหวัดนนทบุรีสั่งให้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาอีกครั้งโดยให้ส่งไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมอัยการอาจมองเห็นเรื่องความน่าเชื่อถือในพยานหลักฐานที่ตำรวจตรวจไปก่อนหน้านี้ หรืออาจมีแง่มุมทางคดีใดๆที่เชื่อได้ว่าคดีดังกล่าวอาจไม่ใช่การกระทำจากความประมาท แต่อาจเกิดจากการฆาตกรรม ส่วนข้อมูลในโทรศัพท์มือถือในช่วงเวลาดังกล่าว จึงทำให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญต่อการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง

 

ส่วนอุปกรณ์และขั้นตอนกระบวนการในการตรวจสอบ พบว่าทั้งของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือบก.ปอท. เป็นอุปกรณ์และกระบวนการตรวจสอบแบบเดียวกันแต่ความน่าเชื่อถือและความกระจ่างต่อสังคมในคดีนี้อาจจะต่างกัน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าคดีนี้นายอัจฉริยะตั้งทรงว่าเป็นคดีฆาตกรรมไม่ใช่ความประมาทหมายความว่าผู้ต้องหา 2 คนที่ไม่ยอมให้โทรศัพท์มือถือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบจะเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริงหรือไม่นายอัจฉริยะปฏิเสธไม่ตอบคำถามดังกล่าวเพราะเกรงว่าจะถูกฟ้องร้องกลับมาในภายหลังแต่ขอให้สังคมไปดูพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทุกคนรวมถึงรอคำสั่งฟ้องของอัยการและการพิพากษาในชั้นศาลทั้งคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำและคดีที่ตนเองได้ยื่นฟ้องไป

 

ส่วนกรณีที่คุณแม่จะไปถอนฟ้องมองว่าคุณแม่ของแตงโมน่าจะไม่กล้าทำเรื่องดังกล่าว ยังคะให้ไปถอนฟ้องในคดีฆาตกรรมหากถอนฟ้องแล้วเชื่อว่าแม่ของแตงโมจะไม่ได้อะไรเลยทั้งจากคดีฆาตกรรมคดีประมาทหรือการฟ้องแพ่ง

 

อย่างไรก็ตามหากไม่มีการถอนคำฟ้องคดีก็จะต้องเป็นไปตามกำหนดเดิมที่ศาลได้นัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 20 กรกฎาคม นี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube