วันที่ 3 ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจสมาชิกฝ่ายค้านยังคงพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี ถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด โดยนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นตอบโต้คู่ปรับเก่า อย่าง “อมรรัตน์” จากพรรคก้าวไกล พร้อมยอมรับ ขอยอมแพ้ พูดส่อเสียดให้ร้าย ตนสู้ไม่ได้ ขณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยัน รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาและประคับประคองไม่ให้ราคาค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 วันที่ 3 โดยวันนี้ นายชวน จะขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมเป็นคนแรก หลังหายจากการติดเชื้อโควิด 19 และกักตัวครบ 10 วัน สำหรับ เมื่อวานนี้ เมื่อมีการอภิปรายเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ประธานฯ สั่งพักการประชุมเวลา 00.33 น. โดยฝ่ายค้านเหลือเวลาซักฟอกอีก 2 วัน ร่วม 23.30 ชั่วโมง จะพุ่งเป้าอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว
เมื่อเปิดการประชุม ส.ส.ฝ่ายค้าน สลับกันอภิปรายโจมตีนานกรัฐมนตรี ถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาด ประเด็นการทุจริตในกระทรวงกลาโหม รวมถึงการทำลายระบอบประชาธิปไตย
ขณะเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงหลัง นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายและมอบกระจกให้นายกรัฐมนตรี กลางสภาฯ ว่า ตนเห็นไปเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลาศึกษาประวัติศาสตร์ก็ดี ขอให้ ศึกษาประวัติศาสตร์ส่วนที่ดีไว้บ้าง สิ่งที่ทำอะไรหลายอย่าง วันนี้ปรากฏแล้วว่า เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบัน สถาบันของชาติ ซึ่งตนรับไม่ได้อยู่แล้ว และจำเป็นจะต้องพูด ส่วนกระจก ตนไม่ค่อยได้ใช้
โดยในระหว่างที่นายกฯ ชี้แจง นางอมรัตน์ ลุกขึ้นประท้วงหลายครั้ง แต่นายชวน ก็สามารถควบคุมการประชุมไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อว่า งบประมาณในกระทรวงกลาโหม รวมถึงโครงการต่างๆ ตามที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง การที่ผู้อภิปรายจะพูดว่าสิ่งที่ตนทำทุกอย่าง มันเสียหายทั้งหมด ก็ดูกันต่อไป ตนไม่อยากพูดอะไรให้มันเสียหายไปกว่านี้ การพูดจาในสภาฯ นั้น ควรจะเป็นวาระในการสร้างสรรค์บ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นเวลาพูดโจมตี ถึงจะรับไม่ค่อยได้ ก็ต้องรับ พร้อมถามในห้องนี้ มีใครเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน เพราะฉะนั้น ตนย่อมมีประสบการณ์มากกว่า แต่เรื่องการจะพูดแข่งกับผู้อภิปราย พูดส่อเสียดให้ร้ายตน คงสู้ท่านไม่ได้ ขอยอมแพ้
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า ด้วยต้นทุนทางพลังงานจากการนำเข้าที่สูง แต่รัฐบาลไม่อยากให้เป็นภาระของประชาชน จึงจำเป็นต้องพิจารณาและดำเนินการทุกอย่างให้รอบคอบที่สุด โดยพิจารณาถึงการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและการดูแลกลุ่มเปราะบาง ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้จะมีความชัดเจน
ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น เป็นเพราะสถานการณ์ในโลกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยด้วย ซึ่งรัฐบาลได้พยายามประคับประคองและดูแลราคาน้ำมันให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนราคาน้ำมันของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 8 ซึ่งถือว่าไม่แพงมากนัก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews