ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส มีการขอนับองค์ประชุมถึง 2 ครั้ง เพื่อยื้อเวลาและต้องการให้ร่างกฎหมายนี้ตกไป
โดยในระหว่างนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ พบว่าสมาชิกจากพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐส่วนใหญ่ไม่อยู่ร่วมองค์ประชุม ซึ่งสอดคล้องกับดีลลับ 2 พรรคใหญ่ ที่นายศรัณวุฒิ ศรัณย์เกตุ ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ ว่า จะล้มนายกรัฐมนตรี
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ยังดำเนินต่อไปได้ แม้ว่า จะมี ส.ส.และ ส.ว.ลาการประชุมถึง 64 คนท่ามกลางกระแสข่าวสภาล่ม เพื่อให้ร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.ฉบับกรรมาธิการฯ ที่ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.หาร 500 ต้องตกไป เนื่องจากครบ 180 วันที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้วกลับไปใช้ร่างเดิมที่ผ่านชั้นรับหลักการ ซึ่งเป็นสูตรหาร 100
โดยก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณา นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ให้มีการตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อยับยั้งร่างกฎหมายฉบับนี้ก่อนเข้าสู่การพิจารณา เนื่องจากเห็นว่า การแก้ไขสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จาก 100 เป็น 500 ที่รัฐสภา ได้มีมติไปแล้วนั้น ขัดต่อระบบการเลือกตั้ง ที่รัฐสภา ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปก่อนหน้านี้ และในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ผ่านมา
ยังมีการแทรกแซงกระบวนการพิจารณาจากฝ่ายบริหาร ดังนั้น จึงจะต้องตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อให้เกิดความแน่ชัดว่าจะเป็นเสียงข้างมากของรัฐสภาในการให้ความเห็อบชอบร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างแท้จริง ดังนั้น การให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ตกไปตามกรอบเวลา 180 วัน และกลับไปใช้ร่างกฎหมายที่รัฐสภารับหลักการมาในวาระแรกจากคณะรัฐมนตรี จึงถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ก่อนที่จะตรวจสอบองค์ประชุมและลงมติ ปรากฎว่าเสียงข้างมาก 283 เสียง ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนพ.ชลน่าน ทำให้การพิจารณาของรัฐสภา เข้าสู่การพิจารณาของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. วาระสอง ต่อเนื่องมาตรา 24
ทั้งนี้ เมื่อสมาชิกอภิปรายในมาตรา 24/1 เสร็จสิ้น ก็เข้าสู่กระบวนการลงมติในวาระสอง ซึ่งเมื่อตรวจสอบองค์ประชุมแล้ว พบว่า มีสมาชิกแสดงตน 366 คน เกินจำนวนองค์ประชุมที่ต้องมีจำนวน 364 คนเป็นต้นไป แต่ก็ยังไม่ได้ลงมติ เพราะมีทั้ง ส.ว.และ ส.ส.เพื่อไทย เสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อเป็นรายบุคคล เพื่อตรวจสอบและป้องกันการกดบัตรแทนกัน
ขณะเดียวกัน ในระหว่างการขานชื่อรายบุคคล พบว่าส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ไม่อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม ทำให้สอดคล้องดีลลับที่นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์พรรคเพื่อชาติ ออกมาแฉว่า หากสภาล่ม จะตอบโจทย์ของดีลลับระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังการเลือกตั้งที่จะมาถึง ทั้งนี้ ในดีลดังกล่าวเป็นดีลลับระหว่าง 2เผด็จการเพื่อล้มพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยมีตัวละครที่เดินเรื่องคือน้องชายของ พล.อ.ประวิตร ที่มีชื่อ ที่ขึ้นต้นด้วย อักษร “พ.”
อย่างไรก็ตาม หลังจากนับองค์ประชุมแบบขานชื่อเสร็จสิ้น พบว่า องค์ประชุมเกิน 364 เสียง จึงได้ดำเนินการพิจารณาต่อไปได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews