จับสัญญาณการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ในห่วงจังหวะที่เศรษฐกิจโลกถูกปกคลุมด้วยเงินเฟ้อสูง
โดยล่าสุด ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ร้อยละ 0.75 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งสัญญาณปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสู้กับเงินเฟ้อ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ยืนยันมุมมองการดำเนินโยบายการเงินตึงตัว ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ในการประชุม 21 ก.ย.
นักวิเคราะห์ มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของยุโรป รวมถึงความคาดหวังว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป อาจสร้างความกังวลเศรษฐกิจชะลอเร็วขึ้นได้ กดดันตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรปผันผวนช่วงสั้น แต่ตลาดหุ้นไทยยังมีความได้เปรียบ จากการอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ซึ่งทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในห่วงจังหวะนี้จะเป็นอย่างไร สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถาม ซีอีโอ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ “นายไพบูลย์ นลินทรางกูร”ในเรื่องนี้ โดยเขาชี้ว่าประเด็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยมีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด แต่ด้วยความที่ตลาดหุ้นไทยมีเสน่ห์น่าลงทุน ทำให้นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อไป ซึ่งทางทิสโก้ ยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,700 จุด
โดยมีปัจจัยหนุนมาจากเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี การท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ซึ่งปีนี้หลายภาคส่วนฟันธงว่า ต่างชาติจะเข้าไทยเพื่อมาท่องเที่ยวถึง 10 ล้านคน และเมื่อถามถึงกลยุทธ์การลงทุน ควรจะโฟกัสที่หุ้นกลุ่มใด”นายไพบูลย์” กล่าวว่า ชั่วโมงนี้ต้องเป็นหุ้นปันผล รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ
“ก็แน่นอนครับ การลงทุนในช่วงนี้ ก็ต้องถือว่ายังมีความเสี่ยงสูง เพราะว่าการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว แล้วก็ดอกเบี้ยขาขึ้น และเงินเฟ้อสูงขนาดนี้ แน่นอนย่อมมีความเสี่ยงตลอดเวลา เพียงแต่ว่า ผมเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าที่จะสามารถอยู่ในขาขึ้นได้ เพราะนอกจากความเสี่ยงที่มีแล้ว แต่เรายังมีเรื่องการท่องเที่ยวที่ผมคิดว่า จะช่วยทำให้ตลาดหุ้นยังอยู่ในขาขึ้นได้ เพราะผลประกอบการของบริษัทไทยน่าจะดีขึ้นจากประเด็นนี้
แล้วก็อีกประเด็นนึงก็คือสภาพคล่องโลกสูงมาก วันนี้ทุกคนกังวลเรื่องสหรัฐ กังวลเรื่องยุโรป แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องนำเงินไปลงทุนสักที่ใดที่หนึ่ง ตลาดหุ้นไทยผมคิดว่าในช่วงนี้ก็เป็นตลาดที่ต่างชาติน่าจะยังลงทุนอยู่นะครับ สำหรับนักลงทุนในบ้านเรา ผมคิดว่า ถ้าถือหุ้นไทยระยะยาว ความเสี่ยงก็ยังมี แต่ผมคิดว่า น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ก็ยังแนะนำอยู่นะครับ”
แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นนายกฯ8ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รอการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้นักลงทุนจับตาใกล้ชิด
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน วิเคราะห์ปมนายกฯ8ปีไว้อย่างสนใจ ว่า กรณีศาลวินิจฉัย นายกฯ ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่ง และครม.ทั้งหมดพ้นจากตำแหน่ง รอยต่อที่อาจจะไม่นิ้ง นายกฯรักษาการ มีอำนาจยุบสภาได้
ส่วนกรณียุบสภา หากเกิดขึ้นประเมินตลาดตอบรับเชิงลบระยะสั้นกว่าในอดีต เบื้องต้นคาดราว 1-2 วัน SET อาจติดลบในกรอบ 1.55% ถึง 3.33% โดยอิงผลกระทบตลาดช่วง 1สัปดาห์-2สัปดาห์ของการยุบสภา 6ครั้งหลังสุด ก่อนค่อยๆ ฟื้นตัวรับการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
และนี่ก็เป็นมุมมองด้านตลาดหุ้นที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์โลกมาถึงไทย กับประเด็นร้อนๆ นายกฯ8ปี ซึ่งจากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยอย่างใกล้ชิด เพราะทุกๆครั้งที่หุ้นตก แดงทั้งกระดาน หรือ เขียวยกแผง ย่อมหมายถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจไทยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews