ชัดเจนแล้วกับวันตัดสินชี้ชะตาอนาคตการเมืองไทยของ “นายกฯลุงตู่” เพราะ 30 กันยายนนี้ เวลาบ่าย 3 โมง ศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติอ่านคำวินิจฉัยปม 8 ปี ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นดังกล่าวย่อมอยู่ความสนใจของประชาชนและนักลงทุนทั่วโลก
ดังนั้นทุกจังหวะก้าวย่างของเศรษฐกิจไทย ก่อนจะถึงวันที่ 30 กันยายน น่าห่วงหรือไม่ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. คุยกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช โดยเขามองว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังแย่ ดังนั้นการบริหาร
เศรษฐกิจไทย ต้องอาศัยความเชื่อมั่น แต่ขณะนี้นายกฯคนปัจจุบัน ไม่สามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ โดยในช่วง 8 ปีของการบริหารประเทศ เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยเติบโต เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน สะท้อนได้จากยอดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ล่าสุดเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราคาพลังงานที่น่าเป็นห่วงเพราะแพงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า ซึ่งกระทบต่อต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพของประชาชนอีกด้วย
และเมื่อมาวิเคราะห์แนวทางคำวินิจฉัยของศาลที่กำลังจะเกิดขึ้น กับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.2565 แล้วหรือไม่ ก็พบสมการทางการเมืองที่น่าสนใจ
โดยฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส คาดว่าคำวินิจฉัยจะเน้นไปตามประเด็นคำร้องที่พรรคฝ่ายค้านยื่นถามในประเด็นดังกล่าว ซึ่งต้องติดตามฟังว่า ศาลจะให้ความเห็นว่า อายุการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะให้เริ่มนับตั้งแต่วันใดในคำวินิจฉัยหรือไม่ จึงจะเป็นตัวบอกได้ว่า หากเกิดกรณีที่ยังไม่ครบ 8 ปี จะเหลือวาระการดำรงตำแหน่งอีกกี่ปี ซึ่งมีอยู่ 2 กรอบเวลาคือ 5 เม.ย.2568 หรือ 8 มิ.ย.2570
แต่หากศาลฯมีคำวินิจฉัยว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ครบ 8 ปีแล้ว กระบวนการทางรัฐสภา ก็ต้องดำเนินการเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และดำเนินการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ ตามมา ซึ่งหากเป็นกรณีนี้ คงเกิดความสับสนวุ่นวายระยะหนึ่งจนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ ซึ่งอาจกินระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน
แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาในแนวทางใด สิ่งที่ชัดเจนประการหนึ่งก็คือว่า อายุของสภาผู้แทนราษฎร์ ตามวาระ 4 ปี ก็จะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 มี.ค. 2566 ซึ่งก็หมายความว่าอย่างช้าที่สุดต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45วัน หลังจากสภาผู้แทนฯ ครบวาระ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน พ.ค.2566 เว้นแต่ว่า นายกรัฐมนตรี หรือรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจยุบสภาฯ ก่อนครบกำหนดวาระดังกล่าว ข้างต้น
ซึ่งอย่างเร็วก็น่าจะเป็นหลังการจัดการประชุม APEC แล้วเสร็จ ในเดือน พ.ย.2565 ซึ่งในกรณียุบสภาฯ ก่อนหมดวาระต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งก็จะเร็วกว่า พ.ค.2566
จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามการขับเคลื่อนงานการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะในห้วงจังหวะที่เกิดขึ้นก่อนคำวินิจฉัยของศาลจะปรากฏ ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews