การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่ยังเดินหน้าได้ต่อเนื่องคงเป็นเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐทั้งรายจ่ายประจำและงบลงทุน โดยการผลักดันให้เกิดความสำเร็จสูงสุดของการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของหน่วยงาน จะต้องประเมินจากอัตราการเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณ 2 ประเภททั้งการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวม และการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุน ที่จะต้องเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งในช่วงเดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 ในเดือนตุลาคม 2565 เริ่มลุยเดินหน้าเร่งรัดการเบิกจ่ายโดยเร็วที่สุดเพื่อกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
โดยน.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การเบิกจ่ายภาครัฐในช่วง เดือนตุลาคมที่ผ่านมาถือเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณปี 2566 ที่มีวงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท
โดยเบิกจ่ายไปแล้ว 473,438 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.86 เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งในส่วนของงบปีนี้ นายอาคมเติมพิทยาไพสิฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังคงกำชับการเร่งรัดการเบิกจ่ายของทุกๆ หน่วยงานให้มีความพร้อมในการดำเนินโครงการ เพื่อเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากเม็ดเงินการลงทุนจากภาครัฐ
หลังจากในปีที่ผ่านมาสามารถเบิกจ่ายได้สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ร้อยละ 93 แต่สามารถเบิกจ่ายได้ถึงร้อยละ 96
ซึ่งจากการเปิดเผยของอธิบดีกรมบัญชีกลาง จะเห็นได้ว่าการเบิกจ่ายของภาครัฐยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังคงเร่งผลักดันต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าต่อไปได้คงต้องใช้แรงผลักในการขับเคลื่อน ที่นอกเหนือจากการเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐ ทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ซึ่งหากรวมทุกเครื่องยนต์เดินหน้าได้อย่างเต็มที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้คงขยายตัวได้ดีกว่าที่หลายๆ ฝ่ายคาดการณ์
ขณะที่มุมมองฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส มองเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยหากพิจารณาดุลบัญชีเดินสะพัดที่พลิกกลับมาเป็นบวกในเดือน ก.ย. 65 ยังคงมี 2 เหตุผลหลัก ทั้งดุลการค้าขาดดุลลดลง หลังมูลค่าการส่งออกดีขึ้นตามการเปิดประเทศของประเทศต่างๆ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อไทยที่ชะลอลง หลังล่าสุดอัตราเงินเฟ้อไทยเดือน ต.ค.65 ปรับตัวอยู่ระดับร้อยละ 5.98 ลดลงจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 6.41 ทำให้การปรับตัวของเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในระยะข้างหน้า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews