นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และแพทย์หญิงวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “รวมพลังสร้างพื้นที่ปลอดภัย ป้องกันยาเสพติด”
พร้อมมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้กับพื้นที่นําร่อง เขตจตุจักร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้ถือเป็นการนําร่องในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อเฝ้าระวังปัญหาของยาเสพติด โดยขอความร่วมมือจากผู้นําชุมชนและวินรถจักยานยนต์ในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มวินเหล่านี้จะมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับผู้เสพหรือผู้ค้ายาเสพติดภายในชุมชนหรือพื้นที่นั้นๆได้ดี และจะส่งข้อมูลดังกล่าวมายัง ป.ป.ส. เพื่อลงมาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด โดยพื้นที่ในวันนี้ที่ลงคือ เขตจตุจักร ซึ่งมีผู้นําวินมอเตอร์ไซค์ที่เข้มแข็งมาก เพราะมีนโยบายว่าหากใครจะขับวิน ต้องไม่ติดยาหรือยุ่งเกี่ยวใดๆกับสารเสพติด หากติดให้บําบัดให้หายก่อนจึงจะสามารถขับได้ ซึ่งนี้ถือได้ว่าเป็น “วินสีขาว”
สําหรับปัญหาของกลุ่มที่เข้ารับการบําบัดปัญหายาเสพแล้วกลับมาเสพยาหรือก่อเหตุทําร้ายร่างกายซํ้า ทาง รอง เลขาฯ ป.ป.ส. เผยว่า กฎหมายฉบับใหม่ได้แยกคนเหล่านี้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้ผลิตหรือผู้ค้า 2.กลุ่มแรงงานคือพวกขนยา 3.กลุ่มผู้เสพหรือติดยา ซึ่งกฎหมายเราให้โอกาสกับกลุ่มผู้เสพหรือติดยาในการบําบัด
โดยปัจจุบันให้ทางสาธารณสุขหาวิธีและแนวทางการเลิกขาดจากยาเสพติดเพื่อที่จะได้ไม่ออกมาเสพและก่อเหตุซํ้า ส่วนกลุ่มที่ไม่ให้ความร่วมมือในการบําบัดจะต้องถูกดําเนินคดีตามกฎหมายโดยการส่งศาล ซึ่งศาลจะพิจารณาการลงโทษ และในส่วนของคนที่เข้ารับการบําบัดซํ้าซากจะถูกติดกําไลอีเอ็มเพื่อติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
“กฎหมายเนี่ยเราแยกคนออกเป็น 3 กลุ่ม นะครับ 1.ก็คือกลุ่มผู้ผลิตผู้ค้านะครับผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเลย กลุ่มที่ 2.ก็คือกลุ่มแรงงานก็คือเป็นมือขนอะไรต่างๆ และกลุ่มที่3. ที่น้องพูดเลยก็คือกลุ่มของผู้เสพ ผู้ติด นะครับ ซึ่งตรงเนี่ยกฎหมายเนี่ยเราให้โอกาสกับคนเหล่าเนี่ยที่จะไปเข้าสู่กระบวนการบําบัด
เพราะฉะนั้นกระบวนการบําบัดที่ผ่านมา เราอาจจะไปเข้าค่าย แล้วก็หลายคนบอกว่า อาจจะ10วัน 15 วันทแล้วไม่ได้ผลเนี่ย เพราะว่าไปฝึกแบบทหาร แต่วันนี้เนี้ยกฎหมายฉบับเนี้ย ให้กระทรวงสาธารณสุขเข้ามาดูแล เพราะฉนั้นหลักสูตรต่างๆเป็นของกระทรวงสาธารณสุขใช่ไหมครับ เพราะฉนั้นเนี้ยโอกาสที่เขาจะบําบัดด้วยวิธีการ ขบวนการของสาธารณสุขเนี้ย มันจะมีประโยชน์มากกว่า”
ด้าน นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผอ.เขตจตุจักร กล่าวว่า พื้นที่ในเขตจตุจักรนั้นไม่มีพื้นที่ไหนน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษ ในเรื่องของปัญหายาเสพติด แต่ยอมรับว่าก็มีบ้างตามชุนชน ซึ่งเหตุที่ ป.ป.ส. มาลงพื้นที่เขตจตุจักรก่อนเพราะ ว่าเป็นเขตที่มีปัญหาเรื่องยาน้อย จึงใช้เป็นเขตนําร่องพื้นที่แรก ว่าประชาชนให้การตอบรับอย่างไรบ้างซึ่งผลออกมาเห็นได้ชัดว่าได้เสียงตอบรับจํานวนมากและจะมีการขยายโครงการต่อไปในอีก 49 เขตที่เหลือ เพื่อช่วยกันสร้างพื้นที่ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด
“สําหรับพื้นที่ของเขตจตุจักร คงไม่มีพื้นที่ไหนน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษนอกจากชุมชนที่อยู่กันแออัดสักนิดหนึ่ง แต่ไม่มีต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษอะไร เพราะเราก็ทราบว่ายาเสพติดเนี่ย มันก็ระบาดไปส่วนใหญ่ก็จะทั่วทุกชุมชน แต่ไม่ได้มีความรุนแรงหนักหนาสาหัสอะไรนะครับ ถ้าบางคนอาจจะเห็นว่า เอ๊ะทําไม ทาง ป.ป.ส. เนี่ยมาลงของเราก่อนนะครับ มาลงของเขตจตุจักรก่อน ก็เนื่องจากว่าเขตเราเนี่ยยังไม่ใช่เขตที่มีความรุนแรงสูงนะครับ เป็นเขตที่ความรุนแรงของยาเสพติดอยู่ในระดับทั่วไปนะครับ ฉะนั้นเนี้ยเวลา ก็คือจะต้องลงทางที่เบาไปก่อนแล้วตรวจดูว่าประชาชนให้ความร่วมมือแค่ไหน ซึ่งก็อย่างที่ทางพวกเราเห็นนะครับ ประชาชนแล้วก็ทางวินมอเตอร์ไซต์เนี่ย ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีนะครับ”
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แกนนำชุมชน เครือข่ายภาคประชาชน กองทุนแม่ของแผ่นดิน สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานเขตจตุจักร กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 9 รวมกว่า 300 คน โดยตัวแทนวินรถจักยานยนต์ เผยว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้ช่วยกันสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง และลดปัญหาภัยยาเสพติดให้กับชุมชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews