การเมืองปลายสมัยเข้มข้นขึ้นแล้ว เมื่อฝ่ายค้านงัดรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เตรียมเปิดศึกซักฟอก อภิปรายรัฐบาลคนดีแบบไม่ลงมติ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าฝ่ายค้านมีไม้เด็ดขยี้ขยายเปิดบาดแผลทำให้คนดีกลายเป็นคนเลวได้ ก็อาจส่งผลต่อคะแนนความนิยมของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะถูกสั่นคลอน แต่ถ้าฝ่ายค้านมีแต่ชุดข้อมูลเดิมๆ ไม่สามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงในวงกว้างได้ ทางฝั่งรัฐบาลก็จะได้แต้มต่อไปใช้ในการหาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหญ่ได้
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เน้นย้ำว่า เราจะมุ่งตรวจที่ 4 ปีที่ผ่านมา อะไรที่รัฐบาลน่าจะทำแล้วไม่ทำ ทำไมถึงไม่ทำและอะไรที่ทำแล้วล้มเหลว เวลาที่เหลืออยู่ควรจะแก้ไขอย่างไร โดยเฉพาะนโยบายที่เคยแถลงไว้ ถ้าทำไม่ได้เลย และไม่ได้ทำ คุณจะรับผิดชอบต่อสภา ต่อประชาชนอย่างไร ซึ่งเมื่ออภิปรายขยายความแล้ว ภาพออกมาประชาชนจะเสียดาย 4 ปี ที่ผ่านมา ก็เหมือนกับที่ใส่หน้ากากมา 4 ปี เราจะถอดให้เห็นว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
และแน่นอนว่าฝ่ายค้านย่อมจะไม่พลาด เรื่องร้อนสุดพีคอย่างการจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และพฤติกรรม วาจา ของปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ส่งผลกระทบในสังคมไทยอย่างมาก อันเป็นการสะท้อนระบบราชการไทย ที่ยังอุดมไปด้วย ระบบอุปถัมภ์ และหล่อเลี้ยงด้วยเงินตรา ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่พยายามยกย่องตัวเองว่าเป็นคนดี แต่ที่ผ่านมา คนดีถูกกระชากหน้ากากกันมาหลายคนแล้ว
อย่างกรณี อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ นั้น
ล่าสุด 5 ม.ค.66 นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยฯในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุว่า สอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีมูลความผิดทางวินัย ในการเรียกรับเงินจริง โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายรัชฎา ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานตามระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยปกติระยะเวลาในการดำเนินการจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน
ด้านฝ่ายค้านมองว่าแค่นี้ยับไม่ครอบคลุมเพียงพอ อย่างนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.ค่ายก้าวไกล ระบุว่าในแง่กฎหมายการที่ตำรวจไปออกหมายค้นที่ทำงาน และได้หลักฐานสำคัญ มีคำถามว่าทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้านพักของอธิบดีฯด้วย ที่นอกจากจะเจอสิ่งสำคัญที่ห้องทำงานแล้ว ยังมีที่บ้านอีกหรือไม่ และขอฝากไปยังนายวราวุธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าเจอชุดใหญ่แน่นอน ในอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ครั้งนี้
ส่วนประเด็น ปลัดเก่ง ปากแจ๋ว อย่าง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่โด่งดังอื้อฉาวข้ามปี จากคลิปที่ตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างรุนแรง แม้เจ้าตัวจะออกมาขอโทษไปแล้ว แต่กระแสดรามารุนแรงยังโหมพัดระบือไกลไม่หยุดหย่อน ด้าน ทนาย เกิดผล แก้วเกิด ออกมายกคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีด่าว่าข้าราชการในที่ประชุมถือเป็นความผิดฐาน ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ส่วน ศรีสุวรรณ เรียกร้องให้ รมว.มหาดไทย สอบจริยธรรมร้ายแรง และสั่งปลดจากตำแหน่ง
รวมไปถึงกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่า พฤติกรรมของ ปลัดสุทธิพงษ์ เข้าข่ายการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยม และการขาดความตระหนักด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการสื่อสารที่เป็นการลดทอนคุณค่าและสร้างผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจหรือเกียรติยศของผู้อื่น
เรื่องนี้ ผู้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงมหาดไทยควรจะเร่งตรวจสอบและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด เมื่อนานมาแล้ว อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ “รัฐบุรุษอาวุโส” ได้เคยกล่าวไว้ว่า “ซากทรรศนะทาส คือ อำนาจ วัฒนธรรมอำนาจนิยมคือปัญหาใหญ่ของประเทศเรา”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
