รอกำหนดวันเชือดอย่างเป็นทางการ ศึกอภิปรายไม่ลงมติ ทางฝ่ายค้านโหมโรงเปิดยุทธการกระชากหน้ากากคนดี เตรียมถลกหนังหัวตีแผ่ความจริงผลงานโบดำของคนรัฐบาล ขณะทางฝั่งกุมอำนาจก็แสดงความพร้อม ผ่าน “เสี่ยแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีป้ายแดง ออกมาระบุว่ารัฐบาลพร้อมชี้แจงอภิปราย หนุนฝ่ายค้านใช้กลไกรัฐสภาตรวจสอบการทำงานรัฐบาล ซึ่งดีกว่าให้ข่าวผ่านโซเชียลทั้งๆ ที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนจนทำให้ประชาชนสับสน
ศึกครั้งสุดท้ายครั้งนี้ อาจจะไม่ได้หวังผลอะไรมากนัก แต่ต้องถือเป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบ ครั้งสุดท้ายของฝ่ายค้าน ที่จะชี้ให้ประชาชนเห็นผลการทำงานของรัฐบาล ในขณะที่รัฐบาลก็จะได้โอกาสให้ประชาชนหายสงสัย ท่างฝ่ายค้าน หวังใจตอกย้ำขยายแผลจากฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้ โดยฉายารัฐบาล คือ “หน้ากากคนดี” ส่วนฉายาของ พลเอกประยุทธ์ คือ “แปดเปื้อน” ซึ่งแน่นอนว่าบิ๊กตู่เป็นเป้าสังหารหลัก ในฐานผู้นำรัฐบาล ที่ต้องกำกับดูแลในทุกๆเรื่องๆ
ตามมาด้วยคนเนื้อหอมอย่างเสี่ยหนู พลังใบ และลูกพรรคร่วมค่ายภูมิใจไทย อย่าง “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายสุดเลิฟของ เนวิน ชิดชอบ ที่ขณะนี้กำลังโดนเผือกร้อนลวกมือ ประเด็นเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อราคาไม่เหมาะสม จนโดนสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก จนโดนตั้งกระทู้สดในสภา และเสี่ยโอ๋ ก็ลุกขึ้นแแจงทุกเม็ด พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตรวจสอบแล้ว ส่วนราคาจะถูกไปหรือแพงไป ส่วนตัวไม่ยืนยัน เพราะไม่ใช่คนกำหนดราคา
แต่ในคำชึ้แจงของเสี่ยโอ๋ ก็เกิดประเด็นงอกขึ้นมาอีก เมื่อเขาระบุว่าการเปลี่ยนชื่อดังกล่าว ไม่ได้มาจากความต้องการของตัวเอง เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ อย่างสนามบินหนองงูเห่าก็เปลี่ยนชื่อ สถานที่สำคัญของราชการหลายแห่งก็ดำเนินการแบบนี้ เป็นการดำเนินการตามปกติ ทำให้ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาดีดปากว่า ‘สนามบินสุวรรณภูมิ’ ไม่เคยเปลี่ยนป้าย เพราะ ไม่เคยมีป้ายชื่อท่าอากาศยานหนองงูเห่าติดตั้งมาก่อน
ส่วน เสี่ยหนู มีหลากหลายประเด็น ทั้งในเรื่องกัญชา เรื่องโควิดที่เตรียมเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย ซึ่งในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี เมื่อกลางปี 2565 ที่ผ่านมา เสี่ยหนูโดนฝ่ายค้านตั้งข้อหาฉกรรจ์ว่า “ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้จิตสำนึกของการเป็นนักการเมืองที่ดี มีพฤติกรรมทำลายระบบการเมืองด้วยการรู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนการใช้เงินและผลประโยชน์เพื่อมุ่ง ดึง ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเข้าสังกัดกลุ่มการเมืองของตน”
ขณะที่ เสี่ยโอ๋ กระทรวงหูกวาง ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาแรง ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ดูแลให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม มีผลประโยชน์ทับซ้อนและกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
สำหรับเป้าสังหารหลักอย่างพล.อ.ประยุทธ์ นั้นถูกข้อหาว่าบริหารงานบกพร่อง ไม่ทำตามคำแถลงนโยบายรัฐบาล 12 ข้อต่อรัฐสภาครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะข้อ 12. ที่ว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งที่ผ่านมามีประเด็นร้อนฉ่าอย่างคดีทุนจีนสีเทา ที่มีการพาดพิงคนใกล้ชิดนายกฯด้วย หรือคดีอธิบดีกรมอุทยานสุดโฉ่งฉ่าง รวมไปถึงปมปลัดปากเสียอื้อฉาวไปทั่วประเทศ ทต้องจับตาว่างานนี้ฝ่ายค้านจะกระชากหน้ากากคนดี ออกมาได้มากน้อยขนาดไหน และจะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ อีกไม่นานได้รู้กัน!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
