สถานการณ์การเมืองกำลังเข้มข้น เพราะใกล้จะมีเลือกตั้งใหม่เข้ามาทุกขณะ
พรรคการเมืองต่างก็พากันจัดทัพเตรียมความพร้อมกันอย่างคึกคัก เริ่มเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และส.ส.ในสภาทยอยลาออกกันรายวันเพื่อไปสังกัดพรรคใหม่ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดทางกฏหมายในการสังกัดพรรคการเมือง หรือแทรกแซงครอบงำพรรคอื่น ซึ่งนั่นก็รวมถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะเป็นแคนดิเดตของรวมไทยสร้างชาติ จำเป็นต้องเข้าเป็นสมาชิกพรรคโดยเร็ว
เพื่อเซฟตัวเอง และเซฟพรรค ไม่ให้ทำผิดกฏหมายแบบไม่รู้ตัว เพราะมีการลงพื้นที่ถี่ยิบตั้งแต่ปลายปีและมีการวางคิวถี่มากขึ้นอีก หลังอีเวนต์ใหญ่ 9 ม.ค.นี้ จนฝ่ายตรงข้ามมองว่า ที่พล.อ.ประยุทธ์ ขยันลงพื้นที่ ก็เพื่อหาเสียงมากกว่าการช่วยเหลือประชาชน จน”ชญาภา สินธุไพร” รองโฆษกเพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้เคารพกติกา
ยึดมั่นใจกฏ 180 วันของ กกต.ที่มีรายละเอียดชัดเจนห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมืองมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ จนทำให้ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาส.ส.และพรรคฝ่ายค้าน ไม่สามารถลงพื้นที่ทำคะแนนได้ กลายเป็นข้อได้เปรียบของฝ่ายรัฐในการเอาเปรียบคู่แข่งก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
กฎเหล็ก 180 วัน
สิ่งที่ทำได้
– กิจกรรมหาเสียงของพรรค และ ส.ส. ต้องคิดรวมเป็นค่าใช้จ่าย ผู้สมัคร ส.ส.เขต ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท/คน พรรคการเมือง ไม่เกิน 35 ล้านบาท/พรรค
– จัดประชุมใหญ่พรรค การเปิดตัวผู้สมัคร การทำไพรมารีโหวต
– ติดป้ายหาเสียงทำได้ แต่ต้องเป็นขนาด-จำนวน ป้ายหาเสียง ที่ถูกต้อง
– พรรคจัดระดมทุนได้ จัดเปิดตัวผู้สมัครได้ ประชุมใหญ่สมาชิกได้
– หาเสียงทางอีเล็กทรอนิกส์ ทั้ง เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ยูทูบ แอปพลิเคชั่น อีเมล์ เอสเอ็มเอส สื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นทุกประเภท แต่ต้องแจ้ง กกต.
สิ่งที่ทำไม่ได้
– ไม่สามารถแจกเงิน แจกของ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด
– ป้ายบิลด์บอร์ดขนาดใหญ่ที่ขึ้นก่อน 180 วัน หากผิดขนาดที่กำหนด ต้องปลดลง
เชื่อว่าหลังจากนี้ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติเต็มตัวแล้ว จะถูกจับจ้อง เพ่งเล็งจากทุกฝ่ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการใช้ทรัพยากรของรัฐในการเอื้อประโยชน์ ต่อการหาเสียงหรือไม่ รวมถึงการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ แม้จะอ้างว่าไปตรวจราชการ ติดตามความก้าวหน้าของนโยบายรัฐบาลก็ตาม ย่อมถูกจับตาว่ามีวาระแอบแฝงทางการเมืองหรือไม่เช่นกัน
ทั้งการไปพัทลุง,เชียงราย นครปฐม ในช่วงก่อนสิ้นปี รวมถึง สิงห์บุรี ล่าสุด จึงน่าสนใจว่า เหล่านักร้อง จะกล้ายื่นตรวจสอบเหมือนกับที่พยายามสอดส่อง “ทักษิณ” ครอบงำเพื่อไทยหรือไม่ เพราะแค่มีภาพลูกสาวไปหาพ่อ ก็ถูกร้องให้ยุบพรรคแล้ว ดังนั้นเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายผู้คุมกฏอย่าง กกต. คงจะต้องออกโรงปราม หรือเตือนให้ระมัดระวังกันบ้าง หากไม่ทำอะไรเลย 7 เสือ กกต. คงกลายเป็นเสือกระดาษ ที่ไม่มีใครยำเกรงและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ก็อาจไม่เป็นที่ยอมรับ หากปล่อยให้มีการเอาเปรียบคู่แข่งจนเกินงาม……..
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
