วันนี้ที่ Sittra Law Firm ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้แถลงข่าวหลังจากที่ นาย ก. (นามสมมุติ) ลูกความของตน มาปรึกษา หลังจากที่ทราบว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นชู้กับภรรยาของตัวเอง
โดยทนายตั้มเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คุณ ก. ลูกความของตน มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแล้ว โดยภรรยาทำงานที่โรงแรมแห่งหรูแห่งหนึ่ง ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาสังเกตเห็นว่าภรรยามีท่าทีเปลี่ยนไป จึงได้แอบดูพฤติกรรมมาโดยตลอด เขาได้ไปเปิดดูโทรศัพท์ของภรรยา ก็ไปเห็นข้อความในไลน์ที่คุยอยู่กับชายคนหนึ่งในลักษณะชู้สาว นอกจากนี้ยังมีภาพถ่ายที่โป๊เปลือย แนบชิดสนิทสนมกันจำนวนมาก เขาก็รู้สึกตกใจแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าฝ่ายชายเป็นใคร เขายิ่งรู้สึกตกใจมากกว่า เพราะเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงและทุกคนรู้จักดี
ซึ่งรูปที่ คุณ ก. เห็น น่าจะจะเกิดขึ้นเมื่อ ตุลาคม ปี 65 โดยหลังจากที่รู้เรื่องแล้ว เขาก็ได้พูดคุยกับภรรยา และขอหย่า แต่ภรรยาไม่ยอมหย่า อ้างว่า ยังรักอยู่ โดย คุณ ก. ทราบดีว่าอดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็รู้ดีว่าฝ่ายหญิงมีสามีแล้ว แต่ก็ยังมีพฤติกรรมดังกล่าว โดยคุณ ก. ได้มาปรึกษาคดีความกับตนว่าจะสามารถฟ้องหย่าได้หรือไม่ ตนจึงได้แนะนำข้อกฎหมายไปว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีอาญา สามารถฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทน จากภรรยาและชู้ได้ ตนจึงได้ทำการฟ้องคดีแพ่งและฟ้องหย่าไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยหลังจากที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรีก็ทราบเรื่องว่า คุณ ก. ทราบเรื่องแล้ว เขาก็ถูกข่มเหง ถูกระราน โดยมีชายฉกรรจ์ สวมชุดดำ ตามมาที่คอนโด นอกจากนี้ อดีตรองนายกรัฐมนตรียังได้ฟ้องร้องภรรยาของ คุณ ก. ในข้อหาฉ้อโกงเนื่องจากอ้างว่า ฝ่ายหญิงไปหลอกลวงเขาด้วย ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จึงได้เรียก คุณ ก. และ ภรรยา เข้าไปพบตำรวจ
แต่เมื่อไปถึงแล้ว คุณ ก. ก็เจอ อดีตรองนายกรัฐมนตรีคนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันพร้อมหน้าทั้ง 3 คน โดยมีชายฉกรรจ์ 6-7 คน มาล้อม คุณ ก. เอาไว้ แล้ว ตำรวจก็เดินออกจากห้องไปทำให้ คุณ ก. รู้สึกไม่ปลอดภัย จึงได้ปรึกษาตนให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าว เนื่องจากว่า ถ้าหากเป็นอะไรไป จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ เนื่องจากว่า ถ้าหากเป็นอะไรไป จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ เนื่องจาก คุณ ก. ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากอดีตรองนายกรัฐมนตรีคนนี้
“เอางี้แล้วกันนะครับทุกคนอยากรู้หมดแหละว่าเขาคนนี้คือใครแต่ผมพูดตรงๆ เลยไม่ได้นะครับ เราก็คงไม่ได้เอ่ยถึงพรรคหรือสมัยไหนยังไงต่อหน้าสื่อมวลชนกล้องเยอะๆ ขนาดนี้เพราะว่าถ้าเกิดระบุไปขนาดนั้นมันจะเหลือรองนายกไม่กี่คนนะครับ พอเหลือรองนายกไม่กี่คนเนี่ยมันระบุตัวจนผมก็ถูกฟ้องหมิ่นประมาทอีก แต่ว่าผมจะบอกแบบนี้แล้วกันนะครับว่ารองนายกที่ผมเนี่ยได้มีการโพสต์ถึงอย่างแรกเลยเขาเป็นคนอดีตรองนายกรัฐมนตรี ข้อที่สองเขาเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย แต่เกี่ยวข้องยังไงเนี่ยต้องไปทำการบ้านกันมาบ้างระครับไม่ใช่ให้ผมเหนื่อยอยู่คนเดียว เกี่ยวข้องในที่นี้ผมต้องบอกแบบกว้างๆ นะครับว่าเกี่ยวข้องคือเคยเดินผ่านกระทรวงมหาดไทย หรือเคยทำงานที่นั่น หรือเคยบริหารหรืออะไรยังไงเนี่ยต้องเดากัน ข้อที่สาม อันแรกเนี่ยเป็นรองนายก ข้อที่สองเนี่ยเกี่ยวข้องกับกระทรวงหมาดไทย ข้อที่สามเนี่ยคนคนนี้ชอบตีกอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ ผมบอกแค่ 3 อย่างเนี่ยนะครับก็ต้องไปหาคำตอบกันเองแล้วแหละว่าคือใครอะไรยังไง”
“ถามก่อนเลยว่ามีใครออกมาปฏิเสธแล้วบ้างครับพี่ผู้สื่อข่าวบอกผมหน่อย?”
“เขาแถลงข่าว สมาชิกพรรคปฏิเสธว่าไม่ใช่เขาแน่นอน”
“สามคำใบ้ที่ผมให้ไปแหละครับ”
ทนายตั้มกล่าวอีกว่า ตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปสมัครสมาชิก เพราะเห็นว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคประชาธิปไตย และนโยบายที่ผ่านมา เขาทำได้จริงแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้จึงได้มาสมัครเป็นสมาชิก แต่การที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยมาเกี่ยวอะไรด้วย เพราะบุคคลคนดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากว่า ไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ปี 2561 ผ่านมา 5 ปีแล้ว และ เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่ออกมาจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตอนนี้เขาไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแล้ว
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวที่มีชายฉกรรจ์ไปขู่ลูกความของตน ตนได้ทำเรื่องร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อขอคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ลูกความแล้ว และในวันที่ 21 มี.ค. นี้ จะเป็นวันขึ้นศาลเยาวชนครอบครัวกลาง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
