Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ปิดสวิตซ์คนดี “แปดเปื้อน”

เปิดหัวหาดไปแล้ว ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านประกาศจะ “กระชากหน้ากากคนดี” ประเดิมด้วย หมอชลน่าน จากค่ายเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ชี้รัฐบาลล้มเหลวทุกมิติ เกือบ 4 ปี

 

 

ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลง ทำประเทศชาติเสียโอกาส พบว่าประชาชนระดับฐานรากยังมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมสูงมากขึ้น เกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย และขาดความซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ หมอชลน่าน ปิดท้ายว่า “แม้ว่าจะลงคะแนนไม่ได้

 

 

แต่อยากให้พี่น้องประชาชนไปลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ว่าท่านอยากจะให้คนดีนี้อยู่ต่อไปไหม หรืออยากให้ประเทศชาติบ้านเมืองลองไปต่อเหมือนที่ท่านบอกไว้ ประเทศต้องไปต่อ ประเทศต้องไปต่อครับ ไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี อย่างมีอนาคต และอย่างมีความหมาย ไม่ใช่ไปต่อสำหรับใครบางคน ให้ไปต่อ เพียงเพื่อจะสืบทอดอำนาจ”

 

ขณะทาง “บิ๊กตู่” ก็ไม่ได้ลุกขึ้นชี้แจงอะไรมากนัก หนักไปทางประชดประชัน แขวะผู้นำฝ่ายค้าน พยายามพูดถึงเรื่องมารยาททางการเมือง และบอกว่าเพิ่งผ่านวันแห่งความรักมาได้วันเดียวไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องปัญหาทุจริตต่างๆ เมื่อมีเรื่องมาก็ได้สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบไปตามกระบวนการยุติธรรม

 

 

ส่วนหนุ่มทิม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เน้นไปในเรื่องการนำทหารออกจากการเมือง ปิดสวิตช์ 3 ป. รวมถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ได้มาจากการยกร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมซัด “บิ๊กตู่” ผลาญงบฯไปแล้ว 28 ล้านล้าน ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม ระบุ คนที่ฝ่ายค้านนำมาซักฟอกเป็นคนที่มั่นใจว่า เต็มไปด้วยบาดแผล ไม่เหมาะสมที่จะบริหารประเทศ และจะมุ่งเน้นประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน การบริหารงานโดยไม่ชอบ ประเด็นหลัก ของค่ายก้าวไกล ที่ชูโรง ปม “ปิดสวิตช์ 3 ป.” นั้นจัดเป็นนโยบายหลัก

 

ซึ่งพิธาประกาศตั้งแต่ วันที่ 28 มกราคม 2566 โดยประกาศความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลที่ล้างมรดกคณะรัฐประหารและระบบอำนาจนิยม การทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องปิดสวิตช์ 3 ป. เอามรดกของระบอบเผด็จการอำนาจนิยมออกไป เพื่อเปิดไฟแห่งความหวังให้ประเทศ สร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ

 

ทั้งนี้ เมื่อ วันที่ 26 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล มีการตั้งฉายาพล.อ. ประยุทธ์ว่า “แปดเปื้อน” ด้วยเหตุผลว่า “ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย และเมื่อปัญหาใต้พรมถูกขุดคุ้ยขึ้น ใกล้ตัวเกินกว่าจะปัดความเกี่ยวโยงได้ ทั้งนโยบายประชานิยม ทุนสีเทาสนับสนุนพรรคการเมือง แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ทำให้ถูกมองว่า ไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไป” แน่นอนว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ

 

ครั้งสุดท้ายนี้ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในทางการเมืองได้ แต่ทว่า ข้อมูลจากฝ่ายค้าน และคำตอบจากฝั่งรัฐบาล จะช่วยทำให้ประชาชน เจ้าของประเทศ ได้ความชัดเจนมากขึ้นว่า ชุดข้อมูลของฝ่ายไหน น่าเชื่อถือ เชื่อใจมากกว่ากัน อันนำไปสู่การตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อต้องเข้าคูหาเลือกตั้ง ว่า จะเลือกให้ผู้นำขุนทหารที่เสพติดอำนาจมายาวนานกว่า 8ปีแล้ว จะได้ไปต่อไหมหรือต้องพอแค่นี้เสียที!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube