“ทุนจีนสีเทาว่าน่ากลัวแล้ว แต่ทุนไทยสีเขียวก็ไม่ธรรมดา เพราะทุนจีนสีเทาที่พาพวกของตัวเองมาอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือเอื้อประโยชน์กันบ้างแต่ในที่สุดก็ถูกทลายลงเพราะกลไกรัฐเอื้อมถึง
แต่ทุนไทยสีเขียวแผ่อิทธิพลไปถึงลูกหลานเรื่องนี้ถูกตั้งคำถามมากมายหลายหนแล้ว แต่ไม่มีกลไกรัฐสามารถแตะต้อง และสามารถตรวจสอบได้อย่างเข้มข้น” …นี้คือวลีเด็ดหล่นจากปาก จิราพร สินธุไพร ส.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด ค่ายเพื่อไทย ในสภาคนดีศรีสังคมเมื่อวันที่14 ก.พ.2566ที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นการตอกลิ่มทิ่มขยายปมประเด็นคนใกล้ชิด บิ๊กตู่ ที่เข้าไปพัวพันกับความไม่ชอบมาพากล โดยทาง จิราพร เจาะลึกไปถึงบริษัทของคนนามสกุลเดียวกันกับ บิ๊กตู่ ที่อาจจะเข้าข่ายฮั้วประมูลแถมอาจมีการตกแต่งบัญชีขาดทุนเพื่อเลี่ยงภาษี
ทั้งที่ชนะประมูลโครงการของรัฐไปหลายโครงการ อีกทั้งยังพบว่ามีความเป็นไปได้ ที่อาจจะมีความเชื่อมโยงกับ “ทุนจีนสีเทา” ซึ่งจิราพร จี้ นายกฯเร่งตรวจสอบ “คนใกล้ชิด” ตามนโยบายปราบทุจริตที่เคยประกาศไว้ด้วย ขณะที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเน้นไปยังกรณีการจับกุม ทุนมินลัต นักธุรกิจคนสนิทของ ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมารายหนึ่ง ซึ่งมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ ส.ว. “อ.”
ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. พร้อมกับโยงไปที่ ที่ดินผืนหนึ่ง เนื้อที่ 2 งาน 17 ตารางวา อารีย์ซอย 5 ใจกลางเมือง เดิมในช่วงปี 2563 เป็นของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง บริษัทนี้เองก็เคยบริหารและถือหุ้นใหญ่โดย ส.ว. ‘อ’ และปัจจุบันที่ดินผืนนี้ เป็นที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วน นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย ค่ายเพื่อไทย อภิปรายกระชากหน้ากากคนดี อัด “ประยุทธ์” สร้างระบบอุปถัมภ์สนับสนุน ปล่อยทุนจีนสีเทาเติบโต พร้อมตั้งคำถามปมย้าย “อธิบดีกรมอุทยานฯ” ช่วยราชการสำนักนายกฯ
หลังถูกเจ้าหน้าที่บุกจับคาห้องทำงาน ว่าช่วยเอาไปตั้งหลักหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพี่ชายอธิบดีท่านนี้ มีการฟูมฟักกันมาตั้งแต่สมัยพล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้บัญชาการทหารบก ด้วยเหตุนี้หรือไม่ท่านจึงเข้ามาเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ ด้านผู้นำฝ่ายค้านอย่าง หมอชลน่าน ออกมาระบุถึงกรณีหลานชายนายกฯ ในทำนองเชื่อว่า หากทุกคนได้รับฟังก็จะรู้ แม้นายกฯจะตอบในลักษณะเลี่ยงว่าเป็นเรื่องของครอบครัว แต่นายกฯไม่สามารถปฏิเสธความผูกพันเกี่ยวข้องเป็นญาติกันได้ และมีความผูกพันที่เกี่ยวข้องทางด้านนิตินัยและกฎหมาย
เนื่องจากพ่อของหลานชายดำรงตำแหน่งเป็นส.ว.และเป็นทหารที่มีอำนาจหน้าที่ และเหตุที่เกิดขึ้น ก็เกี่ยวข้องกับอำนาจและหน้าที่นั้นด้วย จึงทำให้นายกฯไม่สามารถปฏิเสธได้ และถ้าย้อนคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับการทุจริต ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง เช่นเมื่อ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เขาลุกตอบโต้การถูกอภิปรายพาดพิง โดย ชี้แจงไม่ได้ละเว้นการปราบปรามทุจริต ท้าให้ยื่นตรวจสอบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกรณีข้อกล่าวหาเครือญาติเกี่ยวพันทุจริต ต่อมาอีกวัน เขาระบุถึงเรื่องจีนเทาว่า “มีการจับกุมผู้ต้องหามีส่วนพัวพันจีนเทาไปแล้ว
บางรายก็หนีไป มี ส.ว.ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ตร.เข้าไปสอบสวนแล้ว เรื่องนี้ไม่ก้าวก่าย ไม่ไปช่วยเหลือใคร และก่อนหน้านี้ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เขากล่าวว่า “ผมยืนยันได้ว่าผมไม่ทุจริตแม้แต่บาทเดียว ในทุกวันนี้ผมพูดได้เพราะผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ ผมไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ สิ่งดี ๆ มันก็จะไม่เกิดขึ้น พอกันเสียทีเถอะเรื่องการทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ขอให้พอ” และในวันที่ 9 ธันวาคม 2565 เขากล่าวนำประกาศเจตนารมณ์เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลว่า
“ข้าพเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอประกาศเจตนารมณ์ว่า จะประพฤติปฏิบัติตน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน” อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะผ่านมรสุมลูกใหญ่ภัยใกล้ตัวไปได้อย่างไร และจะส่งผลต่อคะแนนความนิยมในศึกเลือกตั้งครั้งหน้ามากน้อยขนาดไหน ประชาชนจะให้คำตอบเอง!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews