การย้ายค่ายการเมืองของบรรดานักเลือกตั้งในฤดูเลือกตั้งถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ของแต่ละบุคคลที่เสาะแสวงหาที่มั่นของตนเองเพื่อที่จะได้รับชัยชนะซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการย้ายสลับในขั้วเดียวกัน
แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อย ที่เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน ย้ายสุดข้างโยกสุดขั้ว เปลี่ยนฝั่งแบบไม่ยี่หระ ไม่เกรงใจเสียงประชาชนที่เลือกเอาไว้เมื่อปี2562 เลย ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่หาเหตุผลอันสวยหรูมารองรับว่าสุดท้ายก็เพื่อรับใช้ประชาชนเหมือนกัน อย่างเช่น ดาวดัง นายศรันย์วุฒิ ศรันย์เกตุ เจ้าของฉายา”เอลวิส อุตรดิตถ์” ที่มีลือหนาหูมาก่อนนี้สักพักแล้วว่าจะโยกจากค่ายเพื่อไทย ไปสวามิภักดิ์ ค่ายบิ๊กตู่ รวมไทยสร้างชาติ ตามคำชวนของแม่เลี้ยงติ๊กศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และเสธ.หิมาลัย แม่ทัพภาคเหนือรวมไทยสร้างชาติ โดยทาง บิ๊กตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยอมรับว่า มีการพูดคุยกันจริง แต่จะรอดูความชัดเจนอีกครั้ง
โดยประเด็นนี้เรียกเสียงฮือฮา ไม่น้อยไปกว่าเมื่อครั้งแรมโบ้อีสาน เสกสกล อัตตถาวงศ์ แปรพักตร์จากนายใหญ่เพื่อไทย ไปสังกัด พลังประชารัฐของ 2บิ๊กขุนทหารเมื่อปี2562 และครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะนายศรันย์วุฒิ เขาเคยสังกัดค่ายไทยรักไทย ต่อมาเปลี่ยนมาเพื่อไทย แล้วก็ออกมาซบพรรคเพื่อชาติ แต่ต่อมาต้องพ้นความเป็นหัวหน้าพรรคแต่ยังมีสถานะเป็นส.ส. และในช่วงการอภิปรายทั่วไป “ศรัณย์วุฒิ” ได้ใช้โควต้า การอภิปรายของ “พรรคเสรีรวมไทย”
และที่ผ่านมาในศึกอภิปรายทุกครั้ง
ทาง นายศรันย์วุฒิ จัดหนัก จัดเต็มบิ๊กตู่ บิ๊กป้อมมาโดยตลอด อย่างปี 2563 ศรันย์วุฒิอภิปรายไม่ไว้วางใจ บิ๊กตู่ เน้นเปิดโปงเรื่องทุจริต การเอื้อประโยชน์ให้เอกชน และ การจัดซื้อรถถังสมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก นอกจากนี้ศรัณย์วุฒิ กล่าวตอนหนึ่งว่า “พรุ่งนี้นายกฯไปที่หน้าวัดพระแก้วกับผม เราจะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเตรียมกระสุนไปคนละนัดต่างคนต่างแลกยิงกันดูเลย เพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี เอาอย่างนั้นเลยนะครับ”
แต่แล้ว มาปี 2566 “ศรัณย์วุฒิ” เตรียมเก็บกระเป๋าย้ายไปซบคนที่ตนเองเคยถล่มอย่างดุเดือด ต่อประเด็นนี้ เขาเคยให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวีว่า “ตนเองพร้อมอยู่กับพรรคที่ทำประโยชน์ให้ประชาชนมากที่สุด โดยไม่สนใจเป็นขั้วไหนแล้ว เพราะไม่มีขั้วเหลือแล้ว อภิปรายแต่ละครั้งถูกฟ้องร้อง ต้องต่อสู้เพียงลำพังโดยไม่มีคนช่วยผมเลย สุดท้ายผมมีทางเลือกสองทาง หนึ่งเลิกเล่นการเมือง ไม่มีประชาธิปไตยเหลือ สองไปทำเพื่อประชาชน อยู่พรรคไหนก็ได้”
นอกจาก ศรันย์วุฒิ ที่ว่ายน้ำข้ามฝั่งแล้ว ยังมีอีกหลายคนเช่นกัน เช่น ทศพร ทองศิริ ส.ส.กทม. เขตราษฎร์บูรณะ-เขตทุ่งครุ ทิ้งค่ายก้าวไกล หันไปหาขวาจัด
อย่างรวมไทยสร้างชาติ พร้อมระบุ”ความเห็นต่างเป็นสิ่งสวยงามในประชาธิปไตย ไม่ใช่ความขัดแย้ง ” ขณะที่น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ ก็สวิงย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย และนายวิชัย ลำสุทธิ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จ.ระยอง จากพรรคไทยภักดีไปอยู่ค่ายเพื่อไทยเช่นเดียวกัน
ส่วน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 7 บางซื่อ-ดุสิต พรรคเพื่อไทย ดอดไปสมัครเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยขณะที่ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก็เปลี่ยนใจมาเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และล่าสุด นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าภาคตะวันออก ทิ้งบิ๊กป้อมตาม “สุริยะ-สมศักดิ์” ไปซบเพื่อไทยแทน อย่างไรก็ตามต้องติดตามว่า เหล่าบรรดานักเลือกตั้งเหล่านี้ที่ย้าบสลับขั้วเช่นนี้ จะไปถึงฝั่งฝันตามที่หวังและตั้งใจไว้หรือไม่?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews