ยังคงเป็นที่จับตาถึงกรณีธนาคารในสหรัฐอเมริกา 3 แห่งที่ปิดตัวลงนั้น หลายฝ่ายต่างก็กังวลว่าจะเกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกหรือไม่ รวมถึงประเทศไทยเองก็เช่นกัน
โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างวิเคราะห์และประเมินผลสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเบื้องต้นก็ยังไม่ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจไทย
ด้าน รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า กรณีธนาคารในสหรัฐอเมริกาปิดตัวลงนั้น สถานการณ์ไม่น่าจะบานปลายมาก ซึ่งสาเหตุของวิกฤติครั้งนี้เกิดจากเมื่อปีที่แล้วเงินเฟ้อสูง ทำให้ดอกเบี้ยขึ้น จนคนเกิดความไม่ไว้ใจและถอนเงินออกมาเป็นจำนวนมากจนแบงก์ล้ม เบื้องต้นรัฐบาลก็ดูแลป้องกันได้ในระดับหนึ่ง แต่สถานการณ์ก็ยังไม่นิ่ง และในวันที่ 21 มี.ค.นี้ต้องจับตาการประชุมของธนาคารกลางถึงทิศทางการปรับดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง
“แต่ดูๆ แล้วสถานการณ์ไม่น่าที่จะไปมากมายถึงขนาดนั้น เพราะว่าประเด็นปัญหามันต่างกับช่วงวิกฤต แฮมเบอร์เกอร์เพียงแต่ว่าสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมาก ก็คือว่าในช่วงปีที่แล้วมันเกิดประเด็นปัญหาในเงินเฟ้อ เรื่องของยูเครน เกิดจากเรื่องของเงินเฟ้อที่พัฒนาสูงขึ้น พอเงินเฟ้อสูงดอกเบี้ยก็ขึ้นแหลกเลย เพราะฉะนั้นพอเป็นแบบนี้ก็มีสองประเด็นเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็มีพวกที่เป็นคนฝากเงิน ก็ไม่ไว้ใจรีบขอถอนตัวเงินฝากถอน จนมหาศาล ถอนจนกระทั่งแบงก์อยู่ไม่ได้ พูดง่ายๆ แบงก์ล้ม ”
ทั้งนี้ รศ.ดร.สมชาย ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ต้องกังวลว่าในอนาคตนั้นจะเกิดวิกฤตอะไรที่น่ากังวลมากกว่านี้หรือไม่ เพราะถ้ามองย้อนไปในอดีต นั้นก็มีวิกฤตต่างๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งปัจจุบันโลกเชื่อมโยงกันมากขึ้น เวลาเกิดอะไรขึ้นก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว เพียงแต่ประเทศต่างๆ ก็ต้องมีการเตรียมตัว เพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นที่เราคาดไม่ถึง
“สังเกตดูนะ แค่ตั้งแต่1997 ดูกี่ครั้ง ต้มยำกุ้งของเราหลายประเทศแล้วนะ 2008แฮมเบอร์เกอร์ 2011วิกฤตเงินสกุลยูโร วิกฤตโควิด แถมยังมีวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์ ทุกๆ ไม่กี่ปี บางทีติดต่อกันจะมีอะไรใหม่ๆ เพราะโลกเดี๋ยวนี้มันเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว จุดอะไรที่อันหนึ่งปั๊บก็กระทบเป็นลูกโซ่ไปเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวครับ จะเกิดหลายต่อหลายครั้งด้วยสิ่งที่แปลกๆ ใหม่ๆ
ที่บางทีเราคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปแปลกใจเลย เพียงแต่ประเทศต่างๆ ก็ต้องมีการเตรียมตัว เตรียมรองรับในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน วิกฤตมันไม่ต้องกังวลไม่ได้ ต้องกังวลนิดหน่อย เพียงแต่ทำยังถึงจะป้องปรามวิกฤติ วิธีการก็คือเรื่องกฎเกณฑ์เรื่องอะไรต่างๆ กับอีกอันหนึ่งเผื่อครับ อย่าไปทุ่มอะไรสักอย่างเต็มที่ เผื่อถ้าเกินเรายังกลับไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดเรายังรอดอยู่ อันนี้ก็คือเป็นการเตรียมตัวรองรับในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง”
อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาดูว่าจากกรณีธนาคารในสหรัฐอเมริกาปิดตัวลงนั้นจะคลี่คลายไปในทิศทางใด หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนถึงจุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยครั้งใหม่หรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
