พรรคประชาธิปัตย์ ก่อตั้งเมื่อ 6 เม.ย.2489 โดยนายควง อภัยวงศ์ โดยมีคำขวัญประจำพรรคว่า “สจฺจํ เว อมตา วาจา” (อ่านว่า สัจจังเว อำมะตา วาจา) ซึ่งมีความหมายว่า “คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย” ให้คนในพรรคยึดถือและปฏิบัติมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นพรรคเก่าแก่ ที่ยืนหยัดบนถนนประชาธิปไตยของไทย ฝ่ามรสุมหลายยุคหลายสมัยมาได้ยาวนานถึง 77 ปี
เคยเป็นแกนนำรัฐบาลก็หลายครั้ง หรือแม้แต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็หลายหน รวมถึงครั้งล่าสุด ก็ล้วนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านในสภา ก็ทำหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็งสมบูรณ์แบบ คุ้มค่ากับภาษีของประชาชน
แต่เมื่อรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ทำให้วิถีการเมืองเปลี่ยนไป หลายคนตีจาก หลายคนยังอยู่ แต่ใจเป็นอื่น พรรคไม่เป็นเอกภาพ คะแนนนิยมเสื่อมถอยจึงเป็นเหตุให้เลือกตั้ง 4 ปีก่อน ค่ายสีฟ้าต้องพบกับความบอบช้ำอย่างหนัก เสียฐานที่มั่นปักษ์ใต้ให้คู่แข่งไปเกินครึ่ง และสูญพันธ์ในพื้นที่ กทม. ตลอดจนเสียบุคลากรไปอีกจำนวนมากเพราะขัดแย้งทางความคิด จากการตัดสินใจร่วมรัฐบาล
ผู้บริหารค่ายสีฟ้าชุดใหม่ที่นำโดย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” พยายามโชว์ฝีไม้ลายมือ สร้างชื่อจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ได้ดูแลกระทรวงสำคัญแบบเบ็ดเสร็จ มีผลงานจับต้องได้ผลักดันนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ สำเร็จ ทั้งประกันรายได้พืช 5 ชนิด ช่วยเกษตรกร แก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงหวังทวงคืนสิ่งที่เสียไปเมื่อ 4 ปีก่อน กลับมาอีกครั้งในศึกเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ มีการปรับทัพใหม่เกือบทั้งหมด ปรับเปลี่ยนพรรคให้ทันสมัยขึ้น รับฟังคนรุ่นใหม่ และให้คนรุ่นใหม่ มีบทบาทมากขึ้น
รวมถึง เลขาธิการพรรค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ที่หลายคนมองว่าทำงานกันคนละทิศ คนละทางกับหัวหน้าพรรคก็เดิมพันทางการเมืองครั้งนี้ด้วยราคาที่แสนแพงประกาศจะ “วางมือเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต” หากได้ ส.ส.น้อยกว่าเก่า ชนิดที่เรียกว่าเกหมดหน้าตัก ไม่มีทางให้ถอยอีกแล้วนั่นเอง ดังนั้น ปีที่ 77ของประชาธิปัตย์ กับการกอบกู้ทวงคืนศักดิ์ศรี ในการเลือกตั้งปี 66 จึงนับเป็นบททดสอบที่สำคัญมากๆของชาวสีฟ้า
เราจึงได้เห็นบุคลากรที่โลว์โปรไฟล์มาตลอด 4 ปี หรือแทบไม่ค่อยมาปรากฏตัวในกิจกรรมของพรรคเลยอย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.สร้างความคึกคักให้แฟนคลับเป็นอย่างมาก แม้จะไม่แรงเท่าแลนด์สไลด์ของพรรคคู่แข่ง แต่ถือเป็นการเริ่มต้นที่น่าติดตามและอาจเป็นตัวแปรสำคัญในกระดานหมากเลือกตั้งครั้งนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews