เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังที่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมประกาศนโยบายการเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ใช้จ่าย ซื้อของจากร้านค้าในรัศมี 4 กม.รอบที่พัก เพื่อให้เกิดการ เจริญเติบโต กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ซึ่งหลายฝ่ายๆ ทั้งนักวิชาการ ทั้งฝั่งการเมืองเอง ต่างแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย ซึ่งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางส่วนก็ห่วงว่าจะกระทบต่อระบบการเงินของประเทศ และเป็นเพียงแค่การหาเสียงเท่านั้น
ขณะที่วันนี้(7เม.ย.66) ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาชี้แจงว่า กระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทนั้นช่วยปั๊มหัวใจคนไทย ให้ยืนด้วยลำแข้ง และไม่ได้มองประชาชนเป็นยาจก ขออย่าเรียกประชานิยมสุดโต่ง พร้อมเล็งเก็บภาษีเพิ่มทำให้เศรษฐกิจโตได้ปีละไม่ต่ำกว่า 5%
สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ถึงประเด็นดังกล่าว โดย รศ.ดร.สมชาย ก็ได้ให้ความเห็นว่า สำหรับนโยบายเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปของพรรคเพื่อไทยนั้น ก็มองได้หลายด้าน หากมองในแง่ของความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้ เพราะเศรษฐกิจไทยปีนี้กำลังขยายตัวได้ดี และคาดว่าจะขยายตัวมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมาแน่นอน
“เรามอง2-3ด้านนะครับ ด้านหนึ่งมองในแง่ของความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดว่าจริงๆ ตอนนี้ความจำเป็นในส่วนนี้ ไม่มีหรือน้อยมาก ยังไงปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวมากกว่าใน 2 ปีที่ผ่านมา ปีนี้ยังไงก็ตามอัตราการเติบโตขยายตัวเกิน 3 แน่นอน เพราะฉะนั้นในตัวของมันเองความจำเป็นในการกระตุ้นมันน้อยมากเลย กับอันที่สองถ้าจะมีการกระตุ้น ควรจะกระตุ้นในเรื่องของเป็นประโยชน์ในเรื่องของการลงทุน เพราะว่าที่สำคัญเราสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ถ้าจะกระตุ้นควรจะเป็นการกระตุ้นในลักษณะที่ ช่วยในการส่งเสริมการลงทุน เสริมด้านขีดความสามารถมากกว่า”
ทั้งนี้ รศ.ดร.สมชาย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้ามองในเรื่องของเสถียรภาพทางการคลัง ขณะนี้ก็ค่อนข้างแย่เพราะงบการลงทุนมีเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งหากต้องเติมเงินให้คนอายุ16ปีขึ้น 10,000บ./คน ซึ่งมีประมาณ 54-55 ล้านคน ก็เป็นเงินค่อนข้างมาก จะส่งผลกระทบในเรื่องของการก่อหนี้ ซึ่งการกระตุ้นแบบนี้ไม่มีความจำเป็นเลย
“ถ้ามองในเรื่องของเสถียรภาพทางการคลัง ขณะนี้เราอยู่ที่คอหอยแล้ว เราดูงบประมาณฉบับปัจจุบันเรามีงบลงทุนอยู่ที่ 20% นับวันจะน้อยลงไปทุกที 20% ประมาณ 7 แสนล้าน เราลองมาดูว่าเงินใช้เท่าไหร่ เอาตัวเลขง่ายๆ เลย 1หมื่น ใช้ในวอลเล็ท คนที่อยู่ในวัยอายุ 16 ปีเป็นต้นไป ประมาณ 54-55 ล้านคน คุณลองวาดภาพดู 54-55 ล้านคนคูณ 1 หมื่น ตัวเลขพอสมควรเลย ก็จะไปกระทบในเรื่องของการก่อหนี้ เพราะฉะนั้นข้อดีมันมีอย่างเดียว เป็นการช่วยหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย แต่ในด้านอื่นๆ มองในแง่อะไรทั่วไปผมยังคิดว่าจริงๆ แล้วมันยังมีวิธีการที่ดีกว่านี้ แต่ความจริงเป็นการกระตุ้นแบบนี้ ตอนนี้ความจำเป็นไม่มี แต่ว่ามันไปเพิ่มในเรื่องของภาระหนี้ขึ้นมา”
คงต้องติดตามนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ กันอย่างใกล้ชิดว่า จากนี้ไปพรรคไหนจะงัดนโยบายเด็ดอะไรมาเพิ่มเติม เพื่อเรียกคะแนนเสียงให้เพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ หรือหลอกขายฝันเพื่อตนเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews