น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งกับเศรษฐกิจไทยในห้วงจังหวะ ส่งออกร่วง ท่องเที่ยวบูม เงินเฟ้อต่ำสุดเป็นอันดับ 20 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ซึ่งอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ชะลอตัวลงนั้น เป็นผลมาจากสินค้ากลุ่มอาหารสดหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร (ข้าวเจ้า) เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด รวมถึงสินค้าในกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร โดยเฉพาะน้ำมันพืช ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองมีราคาถูกลง
ดังนั้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้ 2566 จะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ถาม กระทรวงการคลัง คำตอบที่ได้ น่าสนใจ
โดย นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ปีนี้ เศรษฐกิจไทยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ที่ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.5 -3.8
“ตอนนี้ทางเศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยบวก แต่ในเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งตรงนี้ต้องเรียนว่ามีพี่น้องประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องของการที่อยู่ทางต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น โดยประชาชนที่เกี่ยวข้องเรื่องของธุรกิจทางด้านโรงแรม ทางด้านซัพพลายเชนต่างๆ ที่เกี่ยวในเรื่องของการท่องเที่ยวก็ได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็เรากำลังติดตามในเรื่องของสถานการณ์ทางด้านส่งออก ซึ่งตอนนี้ก็ยังติดตามกันอย่างใกล้ชิด คิดว่าเศรษฐกิจในขณะนี้ก็มีการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน และคิดว่าคงจะขยายตัวประมาณร้อยละ 3 กว่าๆ เกือบถึง 3.5 -3.8 % ในปี 2566”
และเมื่อถามถึงความคืบหน้าการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2566 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติเป็นอย่างไรบ้าง โดย นายพรชัย กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สิทธิในวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้า วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด และวงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะตามลำดับ
พร้อมยืนยันว่า การใช้สิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจฐานราก ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในชุมชนมากขึ้น และที่สำคัญก็คือช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ได้เน้นย้ำ ให้ทุกภาคส่วนดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ให้ดูแลในเรื่องของการแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ที่พี่น้องประชาชนอาจจะมีเกิดขึ้นในการที่ใช้จ่ายบัตรยกตัวอย่างเช่น บางทีพี่น้องประชาชน ก็ลืมรหัสผ่าน 6 หลัก ซึ่งอันนี้ก็ให้สามารถที่จะใช้ได้ 3 รอบ แต่พอครบ 3 รอบไม่ได้ก็ให้ติดต่อที่ธนาคารกรุงไทย ช่วงนี้ก็ได้แจ้งธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศเลยว่าให้พร้อมอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชน”
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนซึ่งเป็นวันแรกที่มีการเริ่มใช้สิทธิ พบว่า ผู้มีสิทธิฯ บางส่วนที่ยืนยันตัวตนที่ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน และ ธกส. สำเร็จแล้ว โดยเมื่อไปใช้สิทธิที่ร้านธงฟ้าฯ พบว่า ไม่สามารถจำรหัสส่วนบุคคล หรือต้องการเปลี่ยนแปลงรหัส PIN ที่เคยกำหนดไว้ในขั้นตอนการยืนยันตัวตน ซึ่งในกรณีดังกล่าว ผู้มีสิทธิฯ สามารถดำเนินการได้ ดังนี้
1. กรณีต้องการเปลี่ยนรหัส PIN ใหม่ สามารถดำเนินการได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารออมสิน และธ.ก.ส. ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป โดยรหัส PIN ใหม่จะต้องไม่ซ้ำกับรหัส PIN เดิมที่เคยกำหนด 10 ครั้ง ย้อนหลัง และต้องทำการยืนยันตัวตนทุกครั้งที่เปลี่ยนรหัส PIN ซึ่งจะสามารถใช้สิทธิได้หลังจากกำหนดรหัส PIN ใหม่ ประมาณ 2 ชั่วโมง
2. กรณีกดรหัส PIN ตามที่เคยกำหนดไว้ในขั้นตอนการยืนยันตัวตนไม่ถูกต้อง จำนวน 3 ครั้ง จะถูกระงับการใช้งาน (สำหรับสิทธิสวัสดิการที่ต้องใส่รหัส PIN ซึ่งผู้มีสิทธิฯ สามารถติดต่อขอทำการยืนยันตัวตนกำหนดรหัส PIN ใหม่ โดยต้องดำเนินการตามข้อ 1
3. กรณีที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว แต่มีการเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน เนื่องจากบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุ หรือสูญหาย จะต้องอายัดสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐด้วยตนเองผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ กับศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Call Center) หมายเลขโทรศัพท์ 02 109 2345 ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยฯ ตามวันและเวลาทำการของสาขาของธนาคารกรุงไทยฯ ในวันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 17.30 น. โดยผู้มีสิทธิฯ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนใบใหม่ไปติดต่อขอทำการยืนยันตัวตนเพื่อกำหนด
และทั้งหมดนี้ ก็คือภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 และ ความคืบหน้าการใช้จ่ายผ่านสวัสดิการแห่งรัฐที่รัฐบาลมอบให้กับประชาชนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
