นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้นำเอกสาร คลิปวิดีโอ พร้อมกระเป๋าเดินทาง เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ผ่าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีที่ปรากฏภาพ 2 นายตำรวจท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกยกกระเป๋าให้แก่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และเพื่อหญิง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ตามเวลาหรือไม่หรือได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาหรือไม่โดยนายชูวิทย์กล่าวว่า
การยื่นหนังสือในวันนี้ เพื่อแสดงเจตจำนงในการสลายค่านิยมแบบVVIPในประเทศไทย และยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรือการแฉกันไปมา แต่เป็นการพูดเพื่อประโยชน์ของสังคม ของสังคมให้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้หากไม่มีผู้บังคับบัญชาสั่งการ ตำรวจย่อมไม่สามารถกระทำด้วยตนเองได้ พร้อมฝากเตือนไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า หากจะเป็นเบอร์ 1 ในอนาคต ต้องระมัดระวังคนรอบข้าง มิเช่นนั้นอาจไปไม่ถึงเป้าหมายได้ และวานนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.แล้ว ยืนยันว่าไม่โกรธเคืองกันเป็นการเตือนด้วยความหวังดี
ส่วนประเด็นที่มีการพาดพิงถึงลูกชายของตนว่ามีการวิ่งเต้นเพื่อขอเป็นนายทหารนั้น ยอมรับว่าครอบครัวคนไทยต้องการส่งเสริมให้ลูกได้ดี แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจึงไม่ได้รับโอกาสนั้น ลูกชายตนจึงเป็นเพียงพลทหาร ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เมื่อลูกชายตนปลดประจำการแล้วก็ไม่ได้ไปสมัครเป็นนายทหารแต่อย่างใด กลับมาเป็นประชาชนทั่วไปเช่นเดิม และยังตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว เหตุใดจึงกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.กล่าวยืนยันว่าตนเองไม่ได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวไปบริการทนายตั้มแต่อย่างใด พร้อมปฎิเสธว่าไม่เคยได้รับสิ่งของอะไรจากทนายตั้มตามที่มีการโพสต์ว่าได้ซื้อของแบรนด์เนมให้ แต่ยอมรับว่าตนเองกับทนายตั้มและนายชูวิทย์ก็รู้จักกันเป็นเพื่อนกัน และตนเองก็ไม่ได้ไปกินข้าวหรือพบแค่ทนายตั้มเท่านั้น เพียงแต่ทนายตั้มชอบโพสต์รูปลงในโซเชียล ซึ่งก็ยอมรับว่าเป็นภาพจริง แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ทนายตั้มกับนายชูวิทย์มีปัญหากัน แม้จะเป็นเพื่อนกับทั้งสองคนแต่ตนเองไม่เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว ส่วนการที่ทนายตั้มหรือใครสนิทหรือเป็นเพื่อนกับตนเองแต่ไม่ใช่ว่าจะได้รับการยกเว้นไม่ถูกดำเนินคดีหากทำผิด เพราะหากทนายตั้มทำผิดตนเองก็ต้องจับ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับตนเอง
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่าที่ผ่านมาตนเองเคยปรามทนายตั้มไปเยอะแล้วว่าการเป็นทนายเพื่อประชาชนมันไม่ใช่ทนายที่หิวแสง การเป็นทนายประชาชนต้องไม่ใช่ทนายเซเลบ ต้องเป็นทนายที่ทำจริง ทำให้ประชาชนเห็น ซึ่งตนเองก็เตือนในฐานะเป็นน้องไม่ได้สนิทถึงขั้นที่ต้องไปบอกให้เขาทำอะไรได้ แต่ถามว่าที่ผ่านมาเราดีกันแต่วันนี้อยู่ๆจะให้ไปตัดกันเลยไม่ได้ หากวันนี้ทนายตั้มตกอับแต่จะไปทิ้งตนเองก็เป็นคนที่คบไม่ได้แล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
