ย้อนรอยคำพิพากษายัด “กกต.” เข้าคุก!
“คู่แข่งของพรรคก้าวไกลในวันนี้อาจไม่ใช่พรรคการเมืองต่างๆ แต่คือ กกต. ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะสู้กับกลโกงได้คือพลังของประชาชน
การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ขอเชิญชวนมาทำให้เป็นวันสุดท้ายของยุคลุง เพื่อเริ่มต้นใหม่ด้วยยุคเรา”…นี้คือเสียงจากเด็กก้าวไกล รังสิมันต์ โรม เมื่อ7 พฤษภาคม 2566หลังจากกระแสทวิตเตอร์ร้อนฉ่าสุดขีดแฮชแท็ก “กกต.ต้องติดคุก” และ “กกต.มีไว้ทำไม”ติดอันดับหราประจานผลผลิตสังคมบิดเบี้ยว
ช่วงนี้ ผลงานของกกต. และกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เข้าตาประชาชนอย่างยิ่ง จากกรณีการกรอกรายละเอียดหน้าซองบรรจุบัตรเลือกตั้งผิดพลาด ไม่กรอกรายละเอียดซอง เขียนรหัสเขตเลือกตั้งผิดพลาด หรือบางหน่วยไม่เขียนเลย หรือเขียนชื่อจังหวัดไม่ถูกต้อง รวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ขนหีบบัตร ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ส่งผลให้พลเมือง แห่ร่วมลงชื่อถอดถอน กกต.ออกจากตำแหน่ง ผ่านเว็บไซต์ Change ทะลุ 1ล้านรายไปแล้ว
ด้วยจำนนด้วยหลักฐานแน่นหนา กกต. ต้องออกมายอมรับว่า เป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ของ กกต. แต่ทุกอย่างปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าว จะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ขณะบอสใหญ่ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง สั่งถอดบทเรียนผิดพลาด กำชับเจ้าหน้าที่เช็กความพร้อมทุกจุดป้องกันซ้ำรอยวันเลือกตั้งล่วงหน้า ขณะไม่หวั่นหากถูกฟ้องพร้อมสู้คดี มั่นใจทำงานสุจริต ไม่มีเหตุให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ
อย่างไรก็ตามเมื่อ ส่องหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เคยมีผู้คุมกฏ อย่างประธานกกต.และพวกเคยติดคุกมาแล้ว จาก วิกฤตการเมือง ปี 2549 เกิดเรื่องราวมากมายในประเทศ ทั้งเรื่องการชุมนุมจากกลุ่มต่อต้าน จนมาถึงการรัฐประหารทักษิณ ต่อเนื่องถึงการฟ้องร้องกกต. โดย ถาวร เสนเนียม ดาวดังค่ายสีฟ้าในขณะนั้น ได้ยื่นฟ้อง กกต. ต่อศาลอาญาว่าการเลือกตั้งเมื่อ 2 เมษายน มีการกระทำผิดกฎหมายและมีความพยายามช่วยพรรคไทยรักไทยให้ชนะเลือกตั้ง
ส่วนคดีที่ 2 พล.ต.อ.วาสนา พร้อมกับวีระชัย แนวบุญเนียร และปริญญา นาคฉัตรีย์ ถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฟ้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ สอบสวนคดีล่าช้า พรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งปี 49 โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 ศาลฎีกาได้ตัดสินจำคุกอดีต พล.ต.อ.วาสนา พร้อมนายปริญญา อดีตกรรมการ กกต. เป็นเวลา 2 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าสู่เรือนจำทันที ส่วนนายวีระชัย เสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี
โดยคำพิพากษาของศาลฎีกาส่วนหนึ่งระบุว่า “การที่จำเลยรับตำแหน่งสำคัญและทำคุณงามความดีจนได้รับเลือกเป็น กกต.จำเลยต้องทราบดีว่า การเป็น กกต. จัดการเลือกตั้ง ต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้นจำเลยต้องดำรงความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นคุณต่อประเทศมากที่สุด แต่จำเลยกลับกระทำตรงข้ามแสดงให้เห็นว่าจำเลยยอมละทิ้งคุณงามความดีที่ได้กระทำมาทั้งหมด แม้จำเลยจะมีอายุมากและสุขภาพไม่ดีก็ไม่เพียงพอจะให้รอการลงโทษ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปี พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน”
อ่านชัดๆเน้นๆขีดเส้นใต้ประโยคที่ว่า”การเป็น กกต. จัดการเลือกตั้ง ต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้นจำเลยต้องดำรงความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นคุณต่อประเทศมากที่สุด”..ดังนั้นจงพึงสำเหนียกไว้ว่า กกต.มีหหน้าที่ และความรับผิดชอบเยี่ยงใดบ้าง?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews