จับขั้วไม่ขัดแย้ง เรียกเชื่อมั่น
เรียกได้ว่าประชาชนแสดงออกอย่างชัดเจน ผ่านผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา แม้จะยังไม่มีผลอย่างเป็นทางการ แต่ก็เรียกได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ที่สำคัญในประเทศ เพราะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนมากกว่าย่ำอยู่ที่เดิม
โดยนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ บอกว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาเป็นอย่างไร จะจับขั้วจะตั้งรัฐบาลแบบไหน ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ ขอแค่การเมืองหลังจากนี้มีความราบรื่น จัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว เพราะจะมีผลต่อการทำงานด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งสภาพัฒน์ มี 5 ประเด็นสำคัญ ที่อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งจัดการ คือ การเร่งฟื้นการส่งออกสินค้าสำคัญของไทย เนื่องจากมีผลเกี่ยวเนื่องกับทั้งภาคเกษตรและภาคการผลิต การเร่งส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน ที่รัฐบาลจะต้อง สนับสนุน และอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้มากขึ้น การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพ ที่ในปีนี้คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ 28 ล้านคนและในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น การดูแลภาคเกษตร ผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
และสุดท้ายที่สำคัญ คือการรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมือง ให้มีความราบรื่นสามารถเดินหน้าเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ตามกรอบระยะเวลา เพื่อสามารถเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ได้ทัน กับการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องเผชิญกับวิกฤตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากโควิด 19 ด้วยการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วและเป็นที่ยอมรับ ไม่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้กลับมาลงทุนในประเทศไทยได้อีกครั้ง เพราะเวลานี้ต้องยอมรับว่านักลงทุนต่างชาติบางส่วนชะลอการลงทุนในไทย เพื่อดูการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร
ในขณะที่ทีมเศรษฐกิจของแต่ละพรรคการเมือง รวมถึงนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน เวลานี้ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเห็นว่าทุกพรรคมีคนที่มีความสามารถ แต่อยากให้เห็นความสำคัญของการฟื้นเศรษฐกิจ ผ่านการส่งออกและการดูแลปากท้องของประชาชนในประเทศ
โดยโอกาสของเศรษฐกิจไทยถือว่ายังมีอยู่ เพราะตัวเลข GDP ไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงไตรมาสที่ 4 ปีก่อน และตลอดทั้งปีคาดว่า GDP ของประเทศจะยังเติบโตได้ร้อยละ 2.7-3.7 โดยเป็นตัวเลขที่ประเมิน สถานการณ์ของการเลือกตั้งไว้แล้ว ในขณะที่การส่งออก มองว่าปีนี้ยังคงติดลบอยู่ที่ร้อยละ 1.6 แต่เชื่อว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่ และเดินหน้าในการฟื้นตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ ตะวันออกกลาง และอินเดียได้ ทำให้การส่งออกของไทยจะกลับมาเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการช่วยฟื้นเศรษฐกิจอีกครั้ง นอกเหนือจากภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการ ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากมีการเปิดประเทศ และสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
วันนี้หมดเวลาของความขัดแย้ง ถึงเวลาต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ และเดินหน้าต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews