“วิโรจน์ เปาอินทร์” ว่าที่ปธ.สภา(ชั่วคราว) ยุคก้าวไกล
หลังการเลือกตั้ง 66 สิ้นสุดลง แม้ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการ แต่ก็รู้แล้ว ใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน มีการวางตัวนั่งตำแหน่งต่างๆกันเกือบหมดแล้ว
รวมถึงตำแหน่งประธานสภา ที่จะเหลือแค่คำยืนยันจากปากผู้มีอำนาจตัดสินใจจริงๆ ว่าจะเป็นใคร ระหว่างจาก ก้าวไกล หรือ เพื่อไทย แต่ก่อนจะมีการเสนอชื่อโหวตอย่างเป็นทางการ ในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏรนัดแรกนั้น จะต้องมีประธาน ผู้ทำหน้าที่ชั่วคราวก่อน ซึ่งคนที่จะทำหน้าที่ได้นั้น ตามข้อบังคับการประชุม พ.ศ. 2562
กำหนดขั้นตอน เอาไว้ว่า ในการประชุมนัดแรก ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏรเชิญสมาชิก ผู้มีอายุสูงสุด ซึ่งอยู่ในที่ประชุม เป็นประธานชั่วคราว เพื่อดำเนินการประชุม และเลือกประธานสภาและรองประธานสภาตามลำดับ แต่ถ้าผู้อาวุโสสูงสุด จะเป็นผู้ที่สมาชิก เสนอชื่อให้ เป็นประธานสภาหรือรองประธานสภา ก็ให้สมาชิกผู้มีอาวุโส ในลำดับถัดไป ซึ่งอยู่ในที่ประชุมเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม และดำเนินการตามข้อบังคับต่อไป
จะเห็นว่า ตามกฎข้อบังคับการประชุม ในการเปิดประชุมสภาครั้งแรกจะต้องเชิญ ส.ส.ที่มีอายุมากที่สุดมาเป็นประธานสภาชั่วคราว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลว่าที่ ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขต ที่กำลังแต่งตัวรอเข้าสภาอยู่ในเวลานี้ พบว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ซึ่งปัจจุบัน เป็น ว่าที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทย คือผู้ที่มีอาวุโสสูงสุด โดย พล.ต.ท.วิโรจน์ มีอายุ 89 ปี เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2476 เป็นชาวจังหวัดอ่างทอง จบปริญญาตรี โรงเรียนนายร้อยตำรวจและมีประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน เป็น ส.ส.อ่างทองมาหลายสมัยในสีเสื้อพรรคประชากรไทย และ พรรคชาติไทยก่อนพ่ายแพ้เลือกตั้ง ในปี 2548 ให้กับ “เพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ไชยผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคไทยรักไทย
หลังจากนั้น เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบ พล.ต.ท.วิโรจน์ ก็มาลงสมัคร ส.ส.ในสีเสื้อของพลังประชาชน และต่อมาก็กลายเป็นเพื่อไทย และได้รับตำแหน่งสูงสุดเป็นถึงหัวหน้าพรรค ส่วนอาวุโสรองลงมา หากในวันนั้น พล.ต.ท.วิโรจน์ ไม่อยู่ในห้องประชุม คือ นายชวน หลีกภัย ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 2 ของพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฏรเมื่อสมัยที่แล้ว อายุ 84 ปี จะเป็นอาวุโสในลำดับถัดไป
ส่วนประธานสภาตัวจริงจะเป็นใครนั้น ยังต้องติดตามกันต่อไปว่า ส.ส.จาก ก้าวไกล พรรคลำดับ 1 หรือ เพื่อไทย ลำดับ 2 จะคว้าตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไปครอง ซึ่งคาดว่า อีกไม่นานเกินรอก็จะรู้ผล โดยรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า เมื่อ กกต.รับรองผลเลือกตั้งร้อยละ 95 แล้ว ภายใน 15 วันจะต้องมีการประชุมสภานัดแรกและจะได้รู้ทันทีว่าใครจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฏร และประธานรัฐสภา ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัตินั่นเอง.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews