ยังต้องลุ้นกันอีกหลายยก กับปมประเด็นการเมืองเวลานี้ กว่าจะมีการรับรองผลการเลือกตั้ง กว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ยังไม่แน่ใจว่าที่สุดแล้วใครจะเข้าเส้นชัย เรียกได้ว่าต้องจับตาทุกความเคลื่อนไหว
โดยนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สถานการณ์ทางการเมืองเวลานี้ มีผลต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประชาชนมากขึ้น ในขณะที่นักลงทุน ทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ อยู่ในช่วงของการรอดูความชัดเจน ในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล และเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงนโยบายที่จะสนับสนุนการลงทุนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร สามารถสร้างโอกาสทำให้การลงทุนเติบโต และมีการยอมรับการลงทุนจากต่างชาติมากน้อยแค่ไหน
โดยกระบวนการในการจัดตั้งรัฐบาลนั้นหากเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และประชาชนยอมรับ ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด เชื่อว่านักลงทุนจะสามารถรับได้ โดยเวลานี้ยังไม่มีสัญญาณของการขาดความเชื่อมั่น หรือถอนการลงทุนออกจากประเทศไทย แต่ยังคงรอดูความชัดเจนก่อน ว่าจะต้องมีการตัดสินใจใหม่หรือไม่
โดย ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังคงประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 3.6 ใกล้เคียงกับกรอบที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ประเมิน ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวอยู่ในอยู่ที่ร้อยละ 3.0-3.5
และภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เชื่อว่าจะเห็นความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามกรอบระยะเวลาที่มีการประเมินไว้หรือไม่ ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และสถานการณ์ทางการเมือง มีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน เกิดการประท้วงนอกสภาหรือไม่ ซึ่งศูนย์พยากรณ์ฯ จะมีการประเมินภาวะเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง เพราะหากการเมืองมีการประท้วงนอกสภาอาจทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวต่ำลงอยู่ที่ร้อยละ 2.5-3.0 ได้
รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจสั่นคลอน เพราะการเมืองแบบไทยๆ ที่ผ่านมาต่างชาติมีความเข้าใจมากขึ้น แต่หากเดินเกมไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจใหม่เกิดขึ้นแน่นอน
ด้านนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. บอกว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ คงพึ่งพาการส่งออกได้ยาก เพราะจากการประเมิน ดีที่สุดการส่งออกคงขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0-1 เนื่องจากมีปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ คือความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล อาจส่งผลต่อแผนผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จากเหตุความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเงิน การผลิต การส่งออก เพราะฉะนั้นจะต้องเร่งกระบวนการในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนแผนการส่งออกและเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เร็วที่สุด และหน่วยงานอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องพิจารณาในการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น
และจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีของคนใหม่ มีนโยบายในการบริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศที่ชัดเจน รับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยได้ เงื่อนไขทางการเมืองไม่ควรสร้างปมแน่นขึ้น ให้เป็นภาระของประเทศ แทนที่จะเป็นความหวังฟื้นเศรษฐกิจในอนาคต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews