จับตาทิศทางการเมืองไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในห้วงจังหวะการเผชิญหน้ากับประเด็นนิติสงครามทางการเมือง
อย่าง กกต. ฟ้องหัวหน้าพรรคก้าวไกล “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” มาตรา 151 ระบุว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังลงสมัคร” โทษสูงสุดเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ซึ่งประเด็นเหล่านี้ ทำให้มีความกังวลต่อการจัดตั้งรัฐบาลของ “พรรคก้าวไกล”
ในมุมมองภาคเอกชน “นายสนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะหากล่าช้าจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว โดยเบื้องต้นประเมินว่าคงไม่ทันในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะที่นายพิธา วางไทม์ไลน์ไว้แล้วว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ในช่วงเดือนกันยายน คงต้องรอติดตามว่าจะทันหรือไม่
ขณะที่ “นายธนิต โสรัตน์” รองประธานสภาองค์การนายจ้าง ผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า การเมืองไทยในปัจจุบันไม่รู้จะไปทางไหน จะเป็นพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลหรือไม่ หรือจะเป็นพรรคเพื่อไทย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะนโยบายที่ออกมา ย่อมมีผลต่อภาคธุรกิจ เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ”
“ถ้าช่องว่างของการเมืองไม่รู้จะไปทางไหน ตกลงก้าวไกลจะได้เป็นการนำหรือเปล่า ถ้าเป็นที่มาเราก็ต้องวางแผนแบบนี้ 450 มันจะมา ถ้าไม่ได้เป็น เพื่อไทยจะมาจะเป็นแบบไหนหรือว่าเปลี่ยนขั้วไปยังไงอันนี้นักธุรกิจ เค้าก็มองดูระยะจากนี้ไป สุญญากาศมันไม่ได้เกิดอยู่ที่การเมืองมันจะเกิดอยู่ที่เศรษฐกิจของเราด้วย”
นายธนิต กล่าวอีกว่า การเมืองไทยในขณะนี้เปรียบเสมือนสุญญากาศ แม้ว่ามีรัฐบาลรักษาการอยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่มาก เพราะติดข้อบังคับกฎหมายอยู่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews