ยังคงเดินสายพบปะขอบคุณประชาชน และพูดคุยกับภาคเอกชน ธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ขึ้นเหนือเยี่ยมเยือนชาว ลำปาง,ลำพูน และเชียงใหม่
ซึ่งการเดินสายครั้งนี้ยังได้พูดคุยกับกลุ่มภาคเอกชนและท่องเที่ยว ใน จ.เชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหา ข้อคิดเห็น รวมถึงข้อเสนอแนะด้านนโยบายต่างๆ ด้วย
โดยนาย พิธา ระบุว่า โจทย์สำคัญเฉพาะหน้าวันนี้คือจะทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวกลับมาเป็นก่อนโควิดได้ เพราะจากตัวเลขวันนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวยังหายไปครึ่งหนึ่งจากเดิม และยังมีโจทย์ใหม่ที่ต้องพิจารณา คือจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวอยู่นานกว่าเดิมและจ่ายเยอะกว่าเดิม ทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวกระจายตัวมากกว่ากระจุกตัวอยู่ 5 จังหวัดหลัก ซึ่งเชียงใหม่เป็นหนึ่งในนั้น และแม้แต่ในตัวเชียงใหม่ก็ยังกระจุกตัวอยู่มาก
สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ได้พูดคุยกับ นางละเอียด บุ้งศรีทอง ที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการพูดคุยกับ นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล และทีมงาน ก็เป็นไปด้วยความราบรื่น มีการพูดคุยกันในหลายๆ ประเด็น ทั้งประเด็นใหม่และประเด็นเดิมที่เคยนำเสนอรัฐบาลไปแล้วของภาคท่องเที่ยว
“เขามาในส่วนของภาคท่องเที่ยว ก็มารับฟัง เรามีการพูดคุยในภาคของเอกชนรวมตัวกัน จะได้เป็นทิศทางเดียวกัน แล้วมีการพูดคุยกันก่อนแล้ว ส่วนพี่ก็ยื่นเป็นเอกสารในบางประเด็น ก็พูดกันหลายประเด็น จะทำอะไรยังไง แล้วก็เชียงใหม่ขาดอะไร
หลายๆ ประเด็นก็เป็นประเด็นที่เราเคย บอกกับทางจังหวัดไปแล้วกับทางจังหวัดเอง กับภาครัฐ ที่ดูแลของภาคท่องเที่ยว มีการพูดคุยประเด็นที่เป็น tant point ต่างๆ ที่เชียงใหม่เองถือว่า2nd cityก็จริง แต่ว่าเราค่อนข่างจะห่างหายการได้รับการพัฒนาอย่างมีมิติ แล้วก็การแบ่งในเรื่องของตัวงบประมาณในการพัฒนา ภาคท่องเที่ยวก็จะเป็นเรื่องพื้นฐานต่างๆ ที่เราคิดว่าอะไรบ้างที่เป็น tant point และเราเองในฐานะที่เราคาดหวังไว้ว่าเขาจะฟอร์มทีมรัฐบาลใหม่ เราอยากฝากประเด็นอะไรกับเขาบ้าง ทำอย่างไรให้มีการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน”
และเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อท่าทีของ “นายพิธา” และพรรคแกนนำจัดตั้งรับบาลนั้น “นางละเอียด” กล่าวว่า การเดินหน้าพูดคุยกับประชาชนและภาคเอกชนต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ภาคเอกชนและธุรกิจเองเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ มองเห็นแสงสว่าง และการเปลี่ยนแปลง
“เขาพูด เขามีความสมาร์ท ความแอคทีพ เป็นคนรุ่นใหม่ที่เขาทำการบ้านดีนะ เขาไม่มีตอบว่าไม่รู้ มันเป็นfactอย่างหนึ่งที่ เรามองเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ และเราคิดว่า มันมีแสงสว่าง มันคงถึงการต้องเปลี่ยน ด้วยเหตุผลว่าเชียงใหม่อาจจะคลายๆกรุงเทพ ว่าเราถูกละเลย เราไม่ค่อยได้รับอะไรที่เป็นโครงการ ที่มันดูเหมือนว่าได้รับการซัพพอร์ตเชิงนโยบายระดับประเทศ แต่ว่าเราเองก็พยายามช่วยตัวเองนะ เราไม่ได้โทษรัฐบาลอย่างเดียว ที่เราทำเองได้เราก็ทำนะ ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจ ถ้าเราไม่ช่วยเหลือตัวเอง จะหวังให้คนอื่นมาช่วยโดยเฉพาะรับบาลมันก็ไม่ได้ไง”
ไม่ว่าทิศทางในทางการเมืองจะเป็นไปอย่างไรต่อจากนี้ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็ยังเป็นที่จับตามองของทั้งภาคประชาชน ภาคเอกชนและธุรกิจต่างๆ เพื่อให้เดินหน้านโยบายต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
