ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบรางวัลการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ครั้งที่ 2 ให้กับผู้วิจัย เพื่อทำให้ประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวใหม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น
ซึ่งการมอบรางวัลการประกวดพันธุ์ข้าวใหม่เพื่อการพาณิชย์ครั้งนี้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563-2567 ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานยกร่างไว้
เพื่อทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิต การตลาด และผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก แก้ไขปัญหาการแข่งขันด้านราคา และความหลากหลายของพันธุ์ข้าวที่ประเทศไทยมีน้อย จนไม่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งภายใน 5 ปีตามยุทธศาสตร์ มีเป้าหมายพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ 12 สายพันธุ์ และที่ผ่านมาสามารถพัฒนาประสบความสำเร็จแล้ว 6 สายพันธุ์ อยู่ในระหว่างการทดลองปลูกลงแปลง ขยายพันธุ์เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถนำไปทำตลาดในต่างประเทศได้ โดยในการมอบรางวัลครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดการทำงาน ซึ่งเป็นความหวังของภาคเอกชนและผู้ส่งออก ที่จะมีพันธุ์ข้าวใหม่นำไปแข่งขันกับคู่แข่งได้มากขึ้น
โดยร้อยตำรวจโทเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ผู้ส่งออกมีความเป็นห่วง การพัฒนาพันธุ์ข้าวของไทย ที่ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร เพราะติดปัญหาในเรื่องของนโยบาย เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล 1 ครั้ง มักเปลี่ยนนโยบายในการสนับสนุนภาคเกษตร จนส่งผลกระทบทำให้การพัฒนาพันธุ์ข้าวเดินหน้าไม่ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในปัจจุบันลดลง เพราะไม่มีสินค้าทำตลาดสู้กับคู่แข่ง
และต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองให้ความสำคัญกับการพัฒนาพันธุ์ข้าวค่อนข้างน้อย แต่มักใช้งบประมาณไปกับการอุดหนุนด้านราคาสินค้าเกษตร ให้เงินสนับสนุนเกษตรกรแบบฉาบฉวย จึงไม่เห็นผลของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว พูดได้ว่าเวลานี้คู่แข่งของไทยได้พัฒนาไปกว่าประเทศไทยมากแล้ว
โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ได้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวออกมาได้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และสามารถชิงตลาดข้าวไทยในอาเซียนไปได้มาก โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เปลี่ยนจากการสั่งซื้อข้าวไทยไปเวียดนามเกือบทั้งหมดแล้ว เนื่องจากเวียดนามมีพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มซึ่งตรงตามความต้องการทั้งด้านราคาและคุณภาพ ในขณะที่ประเทศไทยการพัฒนาพันธุ์ข้าวออกขายยังไม่ได้เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร
รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจึงอยากเห็นการพัฒนาสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงในระยะยาว และไม่อยากให้ใช้นโยบายในเรื่องของการบิดเบือนกลไกราคาอีก เพราะจะส่งผลกระทบกับการทำตลาดในอนาคต
แต่เวลานี้คงต้องรอลุ้นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่าจะสามารถเดินหน้าได้ตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ และเมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้ว เชื่อว่าการกำหนดนโยบายต่างๆจะชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะตัวรัฐมนตรีที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด แม้เวลานี้ยังไม่สามารถคาดเดาตัวบุคคลได้ แต่ภาคเอกชนพร้อมที่จะทำงานและให้โอกาสรัฐบาลได้เดินหน้าไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews